เทคโนโลยีช่วยเหลือผู้สูงอายุ

Human Support Robot

"เพราะโลกนี้ กำลังกลายเป็นโลกของผู้สูงอายุ" การสรรหาตัวช่วยจึงเป็นสิ่งจำเป็น อย่างเช่น  เทคโนโลยีช่วยเหลือผู้สูงอายุ (Aging Technology) ที่มีการนำเทคโนโลยีเพื่อสนับสนุน และพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ เพื่อตอบโจทย์ของปัญหานี้ 

ไม่ว่าจะเป็น ด้านการดูแลสุขภาพ การเพิ่มความปลอดภัย การสื่อสาร รวมถึงการส่งเสริมความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในยุคที่ผู้สูงอายุมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นในหลายประเทศ  รวมทั้งประเทศไทย

เทคโนโลยีดังกล่าวช่วยให้ผู้สูงอายุสามารถพึ่งพาตนเองได้มากขึ้น ลดภาระของผู้ดูแล และส่งเสริมการใช้ชีวิตที่มีคุณภาพในช่วงบั้นปลายของชีวิต การพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าวจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อสังคมในปัจจุบันและในอนาคต


เทคโนโลยีช่วยเหลือผู้สูงอายุ

1. ระบบดูแลสุขภาพและการตรวจวัดทางการแพทย์อัตโนมัติ

  • อุปกรณ์ตรวจวัดสุขภาพ เช่น เครื่องวัดความดันโลหิต เครื่องวัดระดับน้ำตาลในเลือด หรือเครื่องวัดการเต้นของหัวใจที่สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟนหรือแอปพลิเคชันต่างๆ เพื่อให้ผู้สูงอายุสามารถตรวจสอบสุขภาพของตนเองได้อย่างต่อเนื่อง โดยไม่ต้องไปพบแพทย์บ่อยครั้ง
  • การติดตามสุขภาพแบบออนไลน์ เช่น แพลตฟอร์มที่ให้บริการคำแนะนำเกี่ยวกับสุขภาพหรือการเตือนให้ทานยาในเวลาที่เหมาะสม ด้วยการใช้การแจ้งเตือนผ่านแอปหรือการส่งข้อความไปยังผู้ดูแล
  • การตรวจสอบสัญญาณอันตราย เทคโนโลยีอัจฉริยะสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรม เช่น การล้ม หรือการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ และส่งสัญญาณเตือนให้กับผู้ดูแลหรือทีมแพทย์ทันที


2. อุปกรณ์เสริมช่วยการเคลื่อนไหว

  • เครื่องช่วยเดิน และ เก้าอี้นั่งที่สามารถปรับได้ ช่วยให้ผู้สูงอายุสามารถเคลื่อนไหวได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องพึ่งพาผู้ดูแลตลอดเวลา เครื่องช่วยเดินที่มีการติดตั้งเทคโนโลยีเซ็นเซอร์ที่สามารถตรวจจับการล้มและแจ้งเตือนได้ทันที
  • หุ่นยนต์ช่วยพยาบาล ที่ช่วยในการยกผู้สูงอายุจากเตียง หรือช่วยเคลื่อนย้ายระหว่างห้องในบ้าน ซึ่งสามารถลดภาระของผู้ดูแลและเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้สูงอายุ


3. เทคโนโลยีเพื่อการสื่อสาร

  • อุปกรณ์สื่อสารแบบเสียง ช่วยให้ผู้สูงอายุที่มีปัญหาทางการมองเห็นหรือการเคลื่อนไหวสามารถใช้เทคโนโลยีในการติดต่อสื่อสารกับครอบครัวหรือผู้ดูแลได้ง่ายขึ้น เช่น สมาร์ตโฟนที่มีการควบคุมด้วยเสียงหรือการสั่งการด้วยคำพูด
  • แอปพลิเคชันทางการแพทย์ ที่ออกแบบมาให้ผู้สูงอายุใช้งานได้ง่าย โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการตั้งค่า เช่น แอปที่ช่วยให้ผู้สูงอายุสามารถจดบันทึกการทานยา นัดหมายการพบแพทย์ หรือแม้แต่การติดตามการออกกำลังกาย


4. การรักษาความปลอดภัยภายในบ้าน

  • ระบบเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว หรือ กล้องวงจรปิด ที่สามารถแจ้งเตือนหากมีการเข้าออกบ้านของผู้สูงอายุหรือหากเกิดเหตุการณ์ไม่ปกติ เช่น การล้ม หรือการเกิดอุบัติเหตุภายในบ้าน
  • การตรวจสอบการเปิด/ปิดประตูและหน้าต่าง หรือการตรวจจับการมีปฏิสัมพันธ์กับอุปกรณ์ต่างๆ ภายในบ้าน เช่น การปิดไฟ หรือการปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน ซึ่งช่วยให้ผู้ดูแลหรือครอบครัวสามารถตรวจสอบสภาพบ้านของผู้สูงอายุได้ตลอดเวลา


5. การปรับปรุงคุณภาพชีวิตทางจิตใจ

  • เกมฝึกสมอง เช่น เกมที่ช่วยในการพัฒนาทักษะการคิด หรือการใช้แอปพลิเคชันที่เน้นการฝึกสมองเพื่อเพิ่มความสามารถในการคิด วิเคราะห์ และจดจำ ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้ผู้สูงอายุมีความกระตือรือร้นทางจิตใจ
  • เครื่องช่วยฝึกออกกำลังกาย เช่น อุปกรณ์ที่ช่วยให้ผู้สูงอายุออกกำลังกายได้ง่าย เช่น เครื่องเดินวงรี (elliptical) หรือจักรยานออกกำลังกายที่สามารถปรับความยากง่ายให้เหมาะสมกับผู้สูงอายุแต่ละคน ซึ่งช่วยเสริมสร้างสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง


6. เทคโนโลยีเพื่อการควบคุมสิ่งแวดล้อมภายในบ้าน

  • เทคโนโลยีอัจฉริยะในบ้าน เช่น ระบบไฟฟ้าอัจฉริยะที่สามารถควบคุมด้วยเสียง หรือการใช้สมาร์ตโฟนในการเปิด/ปิดไฟ ปรับอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศ หรือการควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ ซึ่งสามารถทำให้ผู้สูงอายุไม่ต้องลุกจากเตียงหรือที่นั่งเพื่อควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ภายในบ้าน


7. การใช้เทคโนโลยีในการให้บริการทางการแพทย์ทางไกล

  • การปรึกษาแพทย์ออนไลน์ หรือ การรับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ โดยไม่ต้องเดินทางไปโรงพยาบาลหรือคลินิก ซึ่งทำให้ผู้สูงอายุที่มีปัญหาการเดินทางหรือมีอาการเจ็บป่วยสามารถเข้าถึงการดูแลทางการแพทย์ได้ง่ายขึ้น
  • การใช้หุ่นยนต์พยาบาล ที่สามารถช่วยในการดูแลผู้สูงอายุที่มีอาการเจ็บป่วยหรือฟื้นตัวจากการผ่าตัด เช่น การเตือนให้ทานยา การตรวจอุณหภูมิ หรือแม้กระทั่งการวัดระดับออกซิเจนในเลือด


ประโยชน์ของเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้สูงอายุ

  • เพิ่มความอิสระ: ผู้สูงอายุสามารถดูแลตนเองได้มากขึ้น ลดการพึ่งพาผู้อื่น
  • ความปลอดภัย: การติดตั้งเทคโนโลยีช่วยเพิ่มความปลอดภัยภายในบ้าน เช่น เซ็นเซอร์ตรวจจับการล้ม
  • การติดตามสุขภาพ: เทคโนโลยีสามารถติดตามสุขภาพของผู้สูงอายุอย่างใกล้ชิด ช่วยในการตรวจสอบและให้คำแนะนำทางการแพทย์
  • การสนับสนุนทางจิตใจ: ช่วยให้ผู้สูงอายุมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางจิตใจและการออกกำลังกาย
  • ลดภาระของผู้ดูแล: เทคโนโลยีช่วยให้ผู้ดูแลสามารถให้ความช่วยเหลือได้จากระยะไกล


ตัวอย่างอุปกรณ์ที่มีในท้องตลาด

1. อุปกรณ์ตรวจวัดสุขภาพ

  • Withings BPM Connect: เครื่องวัดความดันโลหิตที่สามารถเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟนเพื่อบันทึกข้อมูลการตรวจวัดและติดตามความดันโลหิตอย่างต่อเนื่อง
  • Omron Platinum Blood Pressure Monitor: เครื่องวัดความดันโลหิตแบบดิจิตอลที่มีฟีเจอร์ Bluetooth สามารถส่งข้อมูลไปยังแอปพลิเคชันเพื่อบันทึกประวัติการตรวจ


2. เครื่องช่วยเดินและเก้าอี้นั่งที่สามารถปรับได้

  • Drive Medical Nitro Euro Style Walker: เครื่องช่วยเดินที่มีดีไซน์ทันสมัยและสามารถพับเก็บได้ง่าย มีการออกแบบที่ช่วยให้เคลื่อนที่ได้สะดวก
  • Invacare Tracer SX5 Wheelchair: เก้าอี้นั่งที่ปรับระดับได้ เพื่อความสะดวกสบายในการใช้งาน โดยเฉพาะสำหรับผู้สูงอายุที่ต้องการการสนับสนุนในการเคลื่อนไหว


3. หุ่นยนต์ช่วยพยาบาล

  • Toyota's Human Support Robot (HSR): หุ่นยนต์ที่สามารถใช้เพื่อช่วยยกของ หรือย้ายผู้สูงอายุจากเตียงไปยังเก้าอี้หรือพื้นที่อื่นๆ ในบ้าน
  • Care-O-bot: หุ่นยนต์ดูแลผู้สูงอายุที่มีความสามารถในการช่วยเหลือในการทำกิจกรรมประจำวัน เช่น การส่งอาหาร การเก็บของ หรือการเตือนให้ทานยา


4. เทคโนโลยีสื่อสาร

  • Google Nest Hub Max: จอแสดงผลที่สามารถควบคุมด้วยเสียง ช่วยให้ผู้สูงอายุสามารถติดต่อสื่อสารกับครอบครัวหรือผู้ดูแลผ่านวีดีโอคอลล์ รวมถึงการใช้งานฟังก์ชันต่างๆ ด้วยคำสั่งเสียง
  • Amazon Echo Show 10: เครื่องเสียงอัจฉริยะที่มาพร้อมหน้าจอแสดงผล ช่วยให้ผู้สูงอายุสามารถสั่งงานผ่านเสียงเพื่อโทรหาผู้ดูแลหรือเปิดแอปต่างๆ ที่จำเป็น


5. ระบบเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว

  • Guardian Alert 911: ระบบที่มีปุ่มฉุกเฉินที่เชื่อมต่อกับเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว โดยผู้สูงอายุสามารถกดปุ่มเพื่อขอความช่วยเหลือในกรณีฉุกเฉิน
  • Nest Cam: กล้องวงจรปิดจาก Google ที่สามารถตรวจจับการเคลื่อนไหวและแจ้งเตือนผู้ดูแลหรือสมาชิกในครอบครัวผ่านแอปในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ผิดปกติ


6. เครื่องช่วยฝึกสมองและเกมทางจิตใจ

  • Lumosity: แอปพลิเคชันฝึกสมองที่มีเกมหลายประเภทที่ออกแบบมาเพื่อช่วยพัฒนาความสามารถทางสมอง โดยเฉพาะความจำ การแก้ปัญหา และการคิดวิเคราะห์
  • BrainHQ: อีกหนึ่งแอปที่ช่วยในการฝึกฝนทักษะสมองผ่านการเล่นเกมที่เน้นการปรับปรุงความเร็วในการคิดและการตอบสนอง


7. เทคโนโลยีควบคุมสิ่งแวดล้อมภายในบ้าน:

  • Philips Hue Smart Lighting: ระบบไฟอัจฉริยะที่สามารถควบคุมด้วยเสียงหรือแอปพลิเคชัน ซึ่งทำให้ผู้สูงอายุสามารถเปิดปิดไฟ ปรับแสงในห้องได้โดยไม่ต้องลุกจากที่นั่ง
  • Nest Thermostat: เทอร์โมสตัทอัจฉริยะที่สามารถควบคุมอุณหภูมิในบ้านได้จากระยะไกล ผ่านแอปพลิเคชันในสมาร์ตโฟนหรือการสั่งงานด้วยเสียง


8. การใช้เทคโนโลยีในการให้บริการทางการแพทย์ทางไกล:

  • Teledoc: บริการที่ให้คำปรึกษาทางการแพทย์ทางออนไลน์ โดยผู้สูงอายุสามารถพูดคุยกับแพทย์ผ่านวิดีโอคอลล์และรับคำแนะนำในการรักษา
  • Doctor On Demand: บริการที่ให้การปรึกษาแพทย์ผ่านวิดีโอคอลล์ ช่วยให้ผู้สูงอายุสามารถปรึกษาปัญหาสุขภาพได้ทันทีจากที่บ้าน


อุปกรณ์และบริการเหล่านี้ช่วยให้ผู้สูงอายุสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกสบายและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาผู้อื่นเสมอไป นอกจากนี้ยังช่วยลดภาระของผู้ดูแล และส่งเสริมการรักษาคุณภาพชีวิตที่ดีในระยะยาว


ในท้ายที่สุด เทคโนโลยีช่วยเหลือผู้สูงอายุไม่เพียงแต่เพิ่มคุณภาพชีวิต แต่ยังสามารถช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวลของผู้ดูแลอีกด้วย