ReadyBoost คืออะไร
- ใช้พื้นที่ของ USB หรือ SD Card เป็นหน่วยความจำเสมือน (Cache)
- ช่วยให้ Windows โหลดไฟล์และโปรแกรมที่ใช้งานบ่อยได้เร็วขึ้น
- ลดภาระการอ่าน/เขียนข้อมูลจาก HDD
- ทำให้ระบบตอบสนองได้ไวขึ้น โดยเฉพาะในคอมพิวเตอร์ที่มี RAM ต่ำกว่า 4GB
- เครื่องที่ใช้ HDD แบบจานหมุน และมี RAM น้อย
- คอมพิวเตอร์ที่ไม่สามารถอัปเกรด RAM ได้
- ต้องการเพิ่มความเร็วของระบบโดยไม่ต้องเปลี่ยนฮาร์ดแวร์
วิธีเปิดใช้งาน ReadyBoost
- แฟลชไดรฟ์ USB 2.0 ขึ้นไป หรือ SD Card
- ความจุอย่างน้อย 4GB (แนะนำ 8GB ขึ้นไป)
- มีความเร็วอ่าน/เขียนสูง (แนะนำ 5MB/s ขึ้นไป)
- เสียบ USB Drive หรือ SD Card เข้ากับเครื่อง
- เปิด File Explorer → คลิกขวาที่ USB Drive → เลือก Properties
- ไปที่แท็บ ReadyBoost → เลือก "Use this device"
- เลือกขนาดพื้นที่ที่ต้องการใช้ (แนะนำ 1-4 เท่าของ RAM)
- กด Apply และ OK
- ReadyBoost จะเริ่มทำงานทันที และ Windows จะใช้แคชจากอุปกรณ์แฟลช
ข้อควรระวัง และข้อจำกัดของ ReadyBoost
- ไม่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพมากนักหากใช้ SSD เพราะ SSD มีความเร็วสูงกว่าแฟลชไดรฟ์
- ไม่ช่วยเพิ่มความเร็วของแอปพลิเคชันที่ใช้ CPU หนัก เช่น โปรแกรมตัดต่อวิดีโอ
- อุปกรณ์ที่ใช้ควรมีอายุการใช้งานที่ดี เพราะการอ่าน/เขียนข้อมูลบ่อยอาจลดอายุของ USB หรือ SD Card
- Windows 10 และ 11 มีการจัดการหน่วยความจำที่ดีขึ้น ทำให้ ReadyBoost ไม่จำเป็นมาก
- ไม่รองรับแฟลชไดรฟ์ที่มีความเร็วต่ำ (ต่ำกว่า 2.5MB/s)
- ใช้ได้สูงสุด 32GB ต่ออุปกรณ์ และ 256GB สำหรับหลายอุปกรณ์รวมกัน
- ไม่สามารถใช้ได้หากคอมพิวเตอร์มี SSD เป็นตัวบูตหลัก
บทสรุป ReadyBoost เป็นตัวช่วยที่ดีสำหรับคอมพิวเตอร์ที่ใช้ HDD และมี RAM น้อย โดยช่วยเร่งความเร็วของระบบผ่านแคชในแฟลชไดรฟ์หรือ SD Card แต่สำหรับเครื่องที่ใช้ SSD หรือมี RAM เพียงพออยู่แล้ว ฟีเจอร์นี้จะไม่มีผลมากนัก หากต้องการเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวม การอัปเกรด SSD และ RAM จะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า