วิธีป้องกัน Ransomware พร้อมวิธีทำ

Prevent Ransomware
มาทำความรู้จักภัยจากไวรัสเรียกค่าไถ่และแนวทางป้องกัน

Ransomware คือมัลแวร์ที่โจมตีระบบคอมพิวเตอร์โดยการเข้ารหัสไฟล์สำคัญและเรียกค่าไถ่เพื่อปลดล็อกข้อมูล ส่งผลให้ผู้ใช้งานไม่สามารถเข้าถึงไฟล์หรือระบบของตนเองได้ เว้นแต่จะยอมจ่ายเงินตามที่แฮกเกอร์กำหนด 

ภัยคุกคามนี้มีความซับซ้อนเพิ่มขึ้นในปี 2025 โดยเป้าหมายหลักรวมถึงองค์กรธุรกิจ โรงพยาบาล และผู้ใช้ทั่วไป ปัญหาที่เกิดจาก Ransomware อาจมีผลกระทบกว้างขวาง เช่น การสูญเสียข้อมูลสำคัญ การหยุดชะงักของการดำเนินงานทางธุรกิจ และค่าใช้จ่ายสูงจากการกู้ข้อมูลหรือจ่ายค่าไถ่ 

นอกจากนี้ อาจเกิดการรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคล ทำให้เกิดความเสียหายทางกฎหมายและชื่อเสียง การป้องกันที่มีประสิทธิภาพจึงเป็นสิ่งจำเป็น รวมถึงการสำรองข้อมูล การใช้ซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัย และการตระหนักถึงความเสี่ยงทางไซเบอร์ในชีวิตประจำวัน


8 แนวทางป้องกัน Ransomware อย่างละเอียด

1. ติดตั้งซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสและมัลแวร์
  • เลือกซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสที่มีฟีเจอร์ป้องกันแรนซัมแวร์ เช่น Bitdefender, Kaspersky หรือ Windows Defender (ฟรีใน Windows)
  • ดาวน์โหลดซอฟต์แวร์จากเว็บไซต์ทางการ
  • ติดตั้งและเปิดใช้งานการสแกนเรียลไทม์ (Real-Time Protection)
  • และที่สำคัญ ตั้งค่าให้ซอฟต์แวร์อัปเดตฐานข้อมูลไวรัสอัตโนมัติ เพื่อป้องกันภัยคุกคามใหม่ ๆ

2. อัปเดตระบบปฏิบัติการและซอฟต์แวร์
  • ใน Windows: ไปที่ Settings > Windows Update แล้วกด Check for Updates
  • 2. ใน macOS: ไปที่ System Preferences > Software Update
  • 3. ในโปรแกรมอื่น ๆ เช่น Microsoft Office หรือ Browser: เลือก Help > Check for Updates
  • เคล็ดลับเพิ่มเติม ให้เปิดใช้งาน Automatic Updates เพื่อให้มั่นใจว่าอุปกรณ์ของคุณได้รับการป้องกันล่าสุดเสมอ

3. สำรองข้อมูลสำคัญ (Backup)
  • ใช้ External Drive หรือ Cloud Storage เช่น Google Drive, OneDrive, Dropbox
  • เลือกไฟล์สำคัญ เช่น รูปภาพ เอกสาร และไฟล์งาน
  • กำหนดเวลาสำรองข้อมูล เช่น ทุกสัปดาห์
  • ข้อแนะนำเพิ่มเติม ควรแยกการเก็บข้อมูลสำรองออกจากเครือข่ายหลัก (เช่น ถอด External Drive หลังสำรองข้อมูลเสร็จ)
4. ใช้หลักการให้สิทธิ์ขั้นต่ำ (Least Privilege)
  • สำหรับองค์กร: สร้างบัญชีผู้ใช้ตามบทบาท (Admin และ User)
  • สำหรับบุคคล: ไม่ใช้บัญชีผู้ดูแลระบบ (Administrator) ในการใช้งานทั่วไป
  • เคล็ดลับเพิ่มเติม เปิดใช้งานรหัสผ่านหรือ PIN ในบัญชี เพื่อป้องกันการเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาต

5. ฝึกอบรมพนักงานหรือเรียนรู้เกี่ยวกับความปลอดภัยทางไซเบอร์
  • จัดอบรมเกี่ยวกับการระวังอีเมลปลอม เช่น อย่าคลิกลิงก์หรือเปิดไฟล์แนบจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ
  • ใช้แหล่งเรียนรู้ออนไลน์ เช่น Udemy, YouTube หรือ Google
  • จำคีย์สำคัญ เช่น “ดู URL ให้แน่ใจว่าเป็น HTTPS” และ “อย่าเปิดไฟล์แนบจากอีเมลที่น่าสงสัย”

6. เปิดใช้งานไฟร์วอลล์
  • ใน Windows: ไปที่ Control Panel > System and Security > Windows Defender Firewall และเลือก Turn on Firewall
  • ใน macOS: ไปที่ System Preferences > Security & Privacy > Firewall
  • เคล็ดลับ: ตั้งค่ากฎเพื่อจำกัดการเข้าถึงเครือข่ายจากแอปพลิเคชันที่ไม่จำเป็น

7. แบ่งส่วนเครือข่าย (Network Segmentation)
  • ใช้เราเตอร์ที่รองรับการสร้างเครือข่ายย่อย (VLAN)
  • แยกการใช้งาน เช่น เครือข่ายสำหรับงาน และเครือข่ายสำหรับความบันเทิง
  • เคล็ดลับ: ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านเครือข่ายหากไม่แน่ใจในการตั้งค่า

8. ใช้โซลูชันป้องกันสแปม (Spam Filtering)
  • ใช้บริการอีเมลที่มีระบบป้องกันสแปม เช่น Gmail หรือ Microsoft Outlook
  • ติดตั้งปลั๊กอินเพิ่มเติม เช่น SpamAssassin
  • ตั้งค่าการกรองอีเมลที่น่าสงสัยเข้าโฟลเดอร์สแปมโดยอัตโนมัติ
  • เคล็ดลับ: แจ้งผู้ใช้งานให้หลีกเลี่ยงการคลิกลิงก์ในอีเมลจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ

บทสรุป การลดปัญหาจาก Ransomware เพียงแค่ทำตามขั้นตอนเหล่านี้ จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยและลดความเสี่ยงต่อการโจมตีของ Ransomware ได้อย่างมีประสิทธิภาพ  เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ โดยเฉพาะกับองค์กรที่ระบบเครือข่ายภายในและภายนอก

รายละเอียดเพิ่มเติม อาการติด Ransomware

#AntiVirus #Malware #Safety #Security