Easy E-Receipt คืออะไร

Shopping

Easy E-Receipt คือ ระบบการออกใบเสร็จรับเงิน/ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ที่จัดทำโดยกรมสรรพากรของประเทศไทย ซึ่งช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถออกเอกสารภาษีในรูปแบบดิจิทัลได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด 

โดยระบบนี้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อสนับสนุนการทำธุรกรรมแบบไร้กระดาษ (Paperless) และช่วยลดภาระในการจัดการเอกสารของผู้ประกอบการ รวมถึงเพิ่มความโปร่งใสในการตรวจสอบข้อมูลทางภาษีของภาครัฐ


ประโยชน์ของ Easy E-Receipt


1. สะดวกและประหยัดเวลา  
  • ลดขั้นตอนการพิมพ์และจัดส่งเอกสารแบบกระดาษ  
  • สามารถจัดการเอกสารได้ผ่านระบบออนไลน์  

2. ลดค่าใช้จ่าย  
  • ช่วยลดต้นทุนในการจัดเก็บและพิมพ์เอกสาร  
  • ไม่ต้องใช้พื้นที่ในการเก็บเอกสารเป็นจำนวนมาก  

3. เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม  
  • สนับสนุนการลดการใช้กระดาษ  

4. เพิ่มความปลอดภัยและโปร่งใส  
  • มีระบบเข้ารหัสข้อมูลเพื่อป้องกันการปลอมแปลง  
  • ช่วยให้กรมสรรพากรสามารถตรวจสอบธุรกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ  

5. รองรับการใช้งานในยุคดิจิทัล  
  • เชื่อมต่อกับระบบบัญชีและการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์  


วิธีใช้งาน Easy E-Receipt (ผู้ประกอบการ)


1. ลงทะเบียนใช้งาน  
  • เข้าไปที่เว็บไซต์กรมสรรพากร (https://www.rd.go.th)  
  • ลงทะเบียนผู้ประกอบการเพื่อใช้งานระบบ Easy E-Receipt  

2. ตั้งค่าระบบ  
  • ผู้ประกอบการสามารถปรับแต่งรูปแบบเอกสารให้เหมาะสมกับธุรกิจของตนเอง  
  • เชื่อมต่อระบบ Easy E-Receipt กับระบบบัญชีหรือระบบ ERP ของบริษัท  

3. ออกเอกสาร  
  • เมื่อมีการชำระเงินจากลูกค้า สามารถออกใบเสร็จรับเงิน/ใบกำกับภาษีในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ทันที  
  • เอกสารจะมีลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ (e-Signature) เพื่อยืนยันความถูกต้อง  

4. จัดเก็บและส่งเอกสาร  
  • เอกสารจะถูกจัดเก็บในรูปแบบดิจิทัล ทำให้ง่ายต่อการค้นหาและตรวจสอบย้อนหลัง  
  • สามารถส่งเอกสารให้ลูกค้าผ่านทางอีเมลหรือระบบอื่น ๆ  


Easy E-Receipt กับผู้บริโภค

มาตรการ ช้อปลดหย่อนภาษี ปี 2568 เป็นโครงการที่ภาครัฐของประเทศไทยออกมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมการใช้จ่ายของประชาชน โดยอนุญาตให้ผู้บริโภคนำยอดค่าใช้จ่ายจากการซื้อสินค้าหรือบริการตามที่กำหนดมาลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ ซึ่งมาตรการนี้มีประโยชน์สำหรับผู้บริโภคในหลายด้าน ดังนี้:  

1. ลดภาระภาษี  
  • ผู้บริโภคสามารถนำยอดค่าใช้จ่ายตามที่กฎหมายกำหนดมาลดหย่อนภาษี ช่วยลดจำนวนเงินที่ต้องชำระภาษีหรือเพิ่มเงินคืนภาษี  

2. กระตุ้นการใช้จ่ายที่คุ้มค่า  
  • การซื้อสินค้าหรือบริการที่สามารถลดหย่อนภาษีได้ช่วยเพิ่มความคุ้มค่าในการใช้จ่าย เพราะไม่เพียงได้รับสินค้าและบริการ แต่ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายภาษีอีกด้วย  

3. ส่งเสริมการบริโภคสินค้าและบริการในประเทศ  
  • มาตรการนี้มุ่งเน้นการส่งเสริมให้ประชาชนสนับสนุนผู้ประกอบการในประเทศ เช่น การซื้อสินค้าจากร้านค้าที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)  

4. สร้างวินัยการจัดการทางการเงิน  
  • การใช้สิทธิช้อปลดหย่อนภาษีช่วยให้ผู้บริโภคตระหนักถึงการจัดการเอกสารใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบ และเก็บข้อมูลค่าใช้จ่ายอย่างเป็นระบบ  

5. สนับสนุนสินค้าและบริการเฉพาะกลุ่ม  
  • มาตรการอาจครอบคลุมสินค้าหรือบริการที่เป็นประโยชน์ เช่น หนังสือ การศึกษา การท่องเที่ยว หรือการลงทุนในสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม  


ตัวอย่างการใช้สิทธิลดหย่อนภาษี

  • การซื้อสินค้าจากร้านค้าที่ออกใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบ  
  • ค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวในประเทศ เช่น ค่าที่พักและค่าทัวร์  
  • การซื้อหนังสือ อุปกรณ์การศึกษา หรือสินค้า OTOP  

ข้อควรทราบในการใช้สิทธิลดหย่อนภาษี

1. ตรวจสอบเงื่อนไข  
  • ต้องซื้อสินค้าหรือบริการในช่วงระยะเวลาที่กำหนด 16 มค - 28 กพ. 2568
  • ตรวจสอบประเภทสินค้าหรือบริการที่เข้าข่ายลดหย่อน (รวมลดหย่อนสูงสุดไม่เกิน 50,000 บาท)
    - สินค้าหรือบริการ จากผู้จด VAT และไม่จด VAT ไม่เกิน 30,000 บาท
    - สินค้า OTOP หรือ สินค้าของวิสาหกิจชุมชม และ วิสาหกิจเพื่อสังคม ลดหย่อนเพิ่ม ไม่เกิน 20,000 บาท   
2. เก็บใบกำกับภาษี  
  • ใบกำกับภาษีที่ถูกต้องและครบถ้วนเป็นสิ่งสำคัญในการยื่นลดหย่อน  ต้องเป็น E-Receipt / E-Tax Invoice เท่านั้น และต้องระบุชื่อ นามสกุลผู้ซื้อ พร้อมเลขประจำตัวผู้เสียภาษีของผู้ซื้อ
3. ยื่นภาษีอย่างถูกต้อง  
  • ต้องกรอกข้อมูลค่าใช้จ่ายลงในแบบฟอร์มยื่นภาษี (ภ.ง.ด.90/91)  

สรุป มาตรการช้อปลดหย่อนภาษีปี 2568 ช่วยให้ผู้บริโภคประหยัดค่าใช้จ่ายภาษี เพิ่มความคุ้มค่าในการจับจ่ายสินค้าและบริการ พร้อมส่งเสริมเศรษฐกิจในประเทศและสร้างประโยชน์ต่อส่วนรวมอย่างยั่งยืน.