อีกหนึ่งธุรกิจที่ยังอยู่ในกระแสความนิยม
Coworking Space คือพื้นที่ทำงานร่วมกันที่เปิดให้บุคคลทั่วไป หรือกลุ่มคนจากหลากหลายอาชีพ เช่าพื้นที่ทำงานแบบยืดหยุ่น โดยไม่จำเป็นต้องเช่าออฟฟิศเต็มรูปแบบ พื้นที่นี้เหมาะสำหรับฟรีแลนซ์ สตาร์ทอัพ ธุรกิจขนาดเล็ก หรือแม้แต่บริษัทใหญ่ที่ต้องการความยืดหยุ่นในสถานที่ทำงาน
ความน่าสนใจของ Coworking Space
- ความยืดหยุ่น
สามารถเช่าใช้เป็นรายวัน รายเดือน หรือชั่วโมงตามความต้องการ - สิ่งอำนวยความสะดวก
มีบริการครบครัน เช่น อินเทอร์เน็ตเร็วสูง ห้องประชุม มุมกาแฟ ฯลฯ - เครือข่ายทางธุรกิจ
สร้างโอกาสพบปะคนในแวดวงต่างๆ และเกิดการแลกเปลี่ยนความรู้ - บรรยากาศการทำงาน
มีการตกแต่งทันสมัย ช่วยเพิ่มแรงบันดาลใจในการทำงาน
บริการที่พบใน Coworking Space
- พื้นที่ทำงานส่วนกลาง
โต๊ะทำงานร่วมกันในพื้นที่เปิด - ห้องประชุม
สำหรับการประชุมแบบกลุ่มหรือแบบส่วนตัว - โซนพักผ่อน
มุมพักผ่อน มุมกาแฟ หรือห้องครัวเล็กๆ - อุปกรณ์สำนักงาน
เครื่องพิมพ์ สแกนเนอร์ และโปรเจ็กเตอร์ - กิจกรรมเครือข่าย
การจัดสัมมนา เวิร์กช็อป หรือกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์
ผู้ประกอบการ: การเตรียมตัวเปิด Coworking Space
1. เลือกทำเลที่เหมาะสม
- การเดินทางสะดวก
เลือกพื้นที่ใกล้สถานีรถไฟฟ้า (BTS, MRT) หรือมีที่จอดรถเพียงพอเพื่อรองรับลูกค้า - ใกล้แหล่งธุรกิจหรือมหาวิทยาลัย
ทำเลที่มีสำนักงาน สตาร์ทอัพ หรือกลุ่มนักศึกษาเป็นพื้นที่เป้าหมายหลัก เพราะพวกเขามักมองหาสถานที่ทำงานที่ยืดหยุ่น - ชุมชนที่มีกำลังซื้อ
วิเคราะห์พื้นที่ที่มีกลุ่มเป้าหมาย เช่น คนรุ่นใหม่ หรือคนทำงานไอทีที่พร้อมจ่ายค่าบริการรายวันหรือรายเดือน
2. การออกแบบพื้นที่
- การจัดสรรพื้นที่หลากหลาย
แบ่งพื้นที่ออกเป็นโซน เช่น โต๊ะทำงานแบบส่วนกลาง ห้องประชุมขนาดเล็กและใหญ่ พื้นที่ส่วนตัว (Private Office) สำหรับลูกค้าที่ต้องการความเป็นส่วนตัว หรือมีโซนพักผ่อน เช่น มุมกาแฟ โซฟานั่งเล่น หรือโต๊ะพูล
- ความสวยงามและบรรยากาศ
ออกแบบพื้นที่ให้ทันสมัย ใช้สีสันที่กระตุ้นการทำงาน เช่น โทนอบอุ่นหรือโทนที่เน้นความสงบ - สิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน
เตรียมอุปกรณ์ เช่น เครื่องพิมพ์ อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และปลั๊กไฟให้เพียงพอต่อความต้องการ
3. การตลาดและการประชาสัมพันธ์
- โปรโมตผ่านช่องทางออนไลน์
ใช้โซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, Instagram และ TikTok เพื่อประชาสัมพันธ์โปรโมชั่นและสร้างการรับรู้ - สร้างตัวตนที่แตกต่าง
เน้นจุดเด่นที่แตกต่างจากคู่แข่ง เช่น มีพื้นที่เฉพาะสำหรับเวิร์กช็อป หรือมีกิจกรรมสร้างเครือข่าย - เสนอโปรโมชั่น
ให้ส่วนลดสำหรับลูกค้าใหม่ ทดลองใช้งานฟรี หรือราคาพิเศษสำหรับกลุ่มนักศึกษาและสตาร์ทอัพ - จัดกิจกรรม
การจัดสัมมนาและเวิร์กช็อปจะช่วยดึงดูดกลุ่มเป้าหมายเข้ามาใช้บริการและสร้างภาพลักษณ์ที่ดี
4. ระบบบริหารจัดการ
- ระบบจองพื้นที่ออนไลน์
ลงทุนในระบบที่ให้ลูกค้าสามารถจองโต๊ะทำงานหรือห้องประชุมผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน - การเก็บข้อมูลลูกค้า
ใช้ซอฟต์แวร์ CRM (Customer Relationship Management) เพื่อจัดการข้อมูลลูกค้าและวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้งาน
- บริการเสริม
เช่น การจัดส่งเอกสาร การให้เช่าอุปกรณ์สำนักงาน หรือบริการอาหารและเครื่องดื่ม - ระบบความปลอดภัย
ติดตั้งกล้องวงจรปิด ระบบคีย์การ์ด และการรักษาความปลอดภัยเพื่อสร้างความมั่นใจให้ลูกค้า
5. ให้บริการที่เป็นเอกลักษณ์
- เพิ่มมูลค่าด้วยกิจกรรม
จัดกิจกรรม Networking หรืออบรมทักษะ เช่น การตลาดออนไลน์ การพัฒนาเว็บไซต์ ฯลฯ - สร้างความเป็นชุมชน
สร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการพูดคุยและทำงานร่วมกัน เช่น การมีพื้นที่เลานจ์หรือโซนที่กระตุ้นการแลกเปลี่ยนไอเดีย - สนับสนุนธุรกิจขนาดเล็ก
เสนอแพ็กเกจราคาประหยัดสำหรับธุรกิจสตาร์ทอัพ หรือโปรแกรมที่ช่วยสนับสนุนการเติบโต - ให้บริการพิเศษ
เช่น พื้นที่จัดนิทรรศการ แสดงสินค้า หรือพื้นที่สำหรับ Live Streaming - ปรับเปลี่ยนตามความต้องการ
สำรวจความต้องการของลูกค้าเป็นระยะ เพื่อปรับปรุงบริการให้เหมาะสม เช่น เพิ่มโซนทำงานแบบเงียบ หรือพื้นที่นั่งทำงานกลางแจ้ง
การเปิด Coworking Space ต้องอาศัยการวางแผนที่ละเอียดและการปรับตัวต่อความต้องการของตลาด เพื่อให้ตอบโจทย์ทั้งผู้ใช้งานและสร้างผลกำไรที่ยั่งยืน
ในฐานะผู้ใช้งาน: ควรปฏิบัติตัวอย่างไร?
- เลือกพื้นที่ที่ตอบโจทย์
ตรวจสอบทำเล ราคา และบริการที่เหมาะกับการทำงานของคุณ - ปฏิบัติตามกฎระเบียบ
เคารพความสงบเรียบร้อยและพื้นที่ส่วนรวม - สร้างเครือข่าย
ใช้โอกาสพบปะพูดคุยกับคนอื่นๆ เพื่อสร้างความสัมพันธ์ใหม่ - จัดการเวลาการใช้งาน
ใช้บริการให้คุ้มค่ากับเวลาที่เสียไป
บทสรุป การให้หรือการใช้บริการ Coworking Space เป็นทางเลือกที่ช่วยตอบโจทย์ความยืดหยุ่นและสร้างโอกาสทางธุรกิจได้ดีทั้งสำหรับผู้ประกอบการและผู้ใช้งาน เหมาะกับสถานที่ที่อยู่ในทำเลธุรกิจ หรือในบริเวณที่มีคนจำนวนมาก หรือในย่านธุรกิจ
#ธุรกิจ #ไอเดียธุรกิจ