ความปลอดภัยในการชำระเงินออนไลน์

Online Payment

คุณยังคงใช้เงินสดในการชำระเงินหรือเปล่า  

เชื่อว่าทุกคนคงเห็นด้วยว่า การใช้งานระบบการชำระเงินออนไลน์ในปัจจุบัน เป็นเรื่องที่สะดวกและรวดเร็ว ช่วยให้การทำธุรกรรมทางการเงินสามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา โดยไม่จำเป็นต้องใช้เงินสดหรือไปที่ธนาคาร 

การใช้งานเหล่านี้สามารถทำได้ทั้ง ผ่านเว็บไซต์ และ แอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน โดยมีระบบการยืนยันตัวตน และความปลอดภัยที่ทันสมัย เพื่อป้องกันการทุจริตและการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวโดยไม่ได้รับอนุญาต อย่างไรก็ตาม 

การใช้งานระบบการจ่ายเงินออนไลน์นั้น ยังมีข้อควรระวังที่สำคัญ เช่น การปกป้องข้อมูลส่วนตัวจากการถูกขโมย การเลือกใช้เว็บไซต์หรือแอปที่น่าเชื่อถือ การตั้งรหัสผ่านที่แข็งแกร่ง และการเปิดใช้งานการยืนยันตัวตน 2 ชั้น (Two-Factor Authentication) เพื่อเสริมความปลอดภัยในการทำธุรกรรม การระมัดระวังและปฏิบัติตามข้อแนะนำเหล่านี้จะช่วยลดความเสี่ยงในการใช้งานระบบการจ่ายเงินออนไลน์ได้เป็นอย่างดี.


ขั้นตอนการชำระเงินออนไลน์

1. ลงทะเบียนและเชื่อมต่อบัญชี

  • ผู้ใช้ต้องสมัครสมาชิกในระบบการจ่ายเงินออนไลน์ เช่น TrueMoney, PayPal, PromptPay, หรือ Google Pay โดยการเชื่อมต่อกับบัญชีธนาคารหรือบัตรเครดิตที่ต้องการใช้งาน
  • ขั้นตอนนี้จะต้องกรอกข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงหมายเลขบัญชีธนาคาร หรือหมายเลขบัตรเครดิต/บัตรเดบิต ที่ต้องการผูกไว้กับระบบ
  • บางระบบอาจต้องการการยืนยันตัวตน เช่น การสแกนบัตรประชาชน หรือการส่งเอกสารยืนยันที่อยู่


2. การเลือกวิธีการชำระเงิน

  • เมื่อคุณต้องการชำระเงิน เช่น ในการซื้อสินค้าออนไลน์หรือชำระค่าสินค้า/บริการ สามารถเลือกวิธีการชำระเงินผ่านทางออนไลน์ได้ เช่น การโอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร หรือการใช้บัตรเครดิต/เดบิต
  • ระบบจะสร้าง QR Code หรือให้รายละเอียดบัญชีของผู้รับเงินที่ต้องการชำระ


3. การยืนยันการทำธุรกรรม

เมื่อเลือกวิธีการชำระเงินแล้ว ระบบจะขอให้ผู้ใช้ยืนยันการทำธุรกรรม โดยอาจใช้วิธีต่างๆ เช่น

  • รหัสผ่าน (Password): ผู้ใช้ต้องกรอกรหัสผ่านเพื่อยืนยันตัวตน
  • OTP (One-Time Password): รหัสที่ส่งไปยังโทรศัพท์มือถือหรืออีเมลที่เชื่อมโยงกับบัญชีเพื่อยืนยันการทำธุรกรรม
  • การสแกนลายนิ้วมือ หรือ Face ID: สำหรับการยืนยันตัวตนในบางระบบ เช่น แอปพลิเคชันมือถือที่รองรับการยืนยันตัวตนแบบไบโอเมตริกซ์

4. การตรวจสอบข้อมูลก่อนยืนยัน

  • เมื่อใส่ข้อมูลการชำระเงินและยืนยันตัวตนแล้ว ระบบจะแสดงข้อมูลการทำธุรกรรม เช่น ยอดเงินที่จะโอน ชื่อผู้รับ และรายละเอียดอื่นๆ
  • ผู้ใช้ควรตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดให้ถูกต้องก่อนที่จะทำการยืนยันธุรกรรม
  • หากพบความผิดปกติ เช่น จำนวนเงินผิดพลาด หรือชื่อผู้รับไม่ตรงกับที่ต้องการ ให้ยกเลิกและตรวจสอบอีกครั้ง

5. การยืนยันการชำระเงิน

  • หลังจากตรวจสอบข้อมูลครบถ้วนแล้ว ผู้ใช้สามารถกดยืนยันการทำธุรกรรม ระบบจะทำการโอนเงินไปยังบัญชีผู้รับและแสดงผลการทำธุรกรรมที่เสร็จสมบูรณ์
  • ระบบจะส่งข้อมูลการทำธุรกรรม เช่น ใบเสร็จ หรือการยืนยันทางอีเมลหรือ SMS เพื่อให้ผู้ใช้ทราบว่าได้ทำการชำระเงินแล้ว


ข้อควรระวังในการใช้งานระบบชำระเงินออนไลน์

สืบเนื่องด้วย การใช้งานระบบการจ่ายเงินออนไลน์นั้นสะดวกและรวดเร็ว แต่ก็มีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่ผู้ใช้ต้องระมัดระวังต่างๆ ดังนี้

1. ระมัดระวังเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันที่ไม่น่าเชื่อถือ

  • ควรตรวจสอบว่าเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันที่ใช้สำหรับการทำธุรกรรมมีความปลอดภัยหรือไม่ โดยสามารถตรวจสอบได้จาก https:// และโลโก้ของเว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถือ
  • หลีกเลี่ยงการทำธุรกรรมผ่านเว็บไซต์ที่ไม่คุ้นเคย หรือที่มีการออกแบบที่ดูไม่เป็นทางการ


2. ปกป้องข้อมูลส่วนตัว

  • หลีกเลี่ยงการกรอกข้อมูลส่วนตัวและรายละเอียดทางการเงิน (เช่น หมายเลขบัญชีธนาคารหรือหมายเลขบัตรเครดิต) ในที่สาธารณะหรือในเว็บไซต์ที่ไม่น่าเชื่อถือ
  • ควรใช้การตั้งรหัสผ่านที่แข็งแกร่ง และไม่ใช้รหัสผ่านเดียวกันในหลายๆ บัญชี


3. เปิดใช้งานการยืนยันตัวตน 2 ชั้น (Two-Factor Authentication)

  • ควรเปิดใช้งาน 2FA หรือการยืนยันตัวตนแบบสองชั้น ซึ่งจะเพิ่มความปลอดภัยให้กับบัญชีของคุณ โดยการรับรหัสยืนยันที่ส่งไปยังโทรศัพท์หรืออีเมลของคุณหลังจากกรอกรหัสผ่าน
  • ระบบการยืนยันตัวตนสองชั้น ช่วยป้องกันไม่ให้คนอื่นสามารถเข้าถึงบัญชีของคุณได้ แม้ว่าจะรู้รหัสผ่าน ดังนั้น จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ทุกคน จะต้องเปิดใช้บริการ


4. การตรวจสอบธุรกรรมอย่างสม่ำเสมอ

  • ควรตรวจสอบประวัติการทำธุรกรรมและยอดเงินในบัญชีของคุณอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการถูกทุจริตหรือการใช้เงินโดยไม่ได้รับอนุญาต
  • หากพบธุรกรรมที่ผิดปกติ ควรติดต่อบริการลูกค้าของระบบการจ่ายเงินออนไลน์ทันที


5. การใช้งานอุปกรณ์ที่ปลอดภัย

  • ใช้เฉพาะอุปกรณ์ที่มีการป้องกันไวรัสและมัลแวร์อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันการถูกโจมตีจากแฮกเกอร์
  • หลีกเลี่ยงการทำธุรกรรมผ่าน Wi-Fi สาธารณะ เพราะอาจมีความเสี่ยงในการถูกดักจับข้อมูล


6. หลีกเลี่ยงการคลิกลิงก์จากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ

  • ระวังการหลอกลวงผ่านอีเมลหรือข้อความ SMS ที่อ้างว่ามาจากธนาคารหรือบริการการเงิน โดยมักจะมีลิงก์ให้คลิกเพื่อลงชื่อเข้าใช้หรือให้ข้อมูลบัตรเครดิต
  • ควรเข้าสู่ระบบด้วยตัวเองโดยการพิมพ์ URL โดยตรง หรือเปิดแอปที่เชื่อถือได้แทนการคลิกลิงก์ที่ได้รับไม่ว่าจะมาจากอีเมล หรือจาก SMS


บทสรุป การใช้งานระบบการชำระเงินออนไลน์ อย่างระมัดระวัง และปลอดภัย จะช่วยลดและป้องกันการเกิดปัญหาด้านความปลอดภัย รวมทั้งการสูญเสียทรัพย์สินได้เป็นอย่างดี ดังนั้น ควรศึกษาและทำความเข้าใจขั้นตอนอย่างระมัดระวัง