การขับรถยนต์ในประเทศไทยสำหรับชาวต่างชาติจำเป็นต้องปฏิบัติตามขั้นตอนที่กำหนดอย่างชัดเจน โดยขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่พำนักอยู่ในประเทศไทยและประเภทของใบขับขี่ที่มีอยู่ ชาวต่างชาติที่มีความประสงค์จะขับขี่รถยนต์ในประเทศไทยต้องปฏิบัติตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
ใบขับขี่ระหว่างประเทศ (International Driving Permit - IDP)
ชาวต่างชาติที่ถือใบขับขี่จากประเทศต้นทาง สามารถขับขี่รถยนต์ในประเทศไทยได้โดยใช้ ใบขับขี่ระหว่างประเทศ (IDP) ซึ่งออกโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในประเทศของตน ใบขับขี่ระหว่างประเทศจะช่วยให้สามารถขับขี่ได้อย่างถูกกฎหมายภายในประเทศไทย แต่ต้องเป็นไปตามข้อกำหนดที่ระบุไว้ในอนุสัญญาว่าด้วยการจราจรทางถนนของปี 1949 หรือ 1968
- อนุสัญญาปี 1949
ประเทศที่เข้าร่วมจะต้องออกใบขับขี่ระหว่างประเทศที่มีอายุใช้งาน 1 ปี - อนุสัญญาปี 1968
ประเทศที่เข้าร่วมจะออกใบขับขี่ระหว่างประเทศที่มีอายุใช้งาน 3 ปี
ในประเทศไทย ใบขับขี่ระหว่างประเทศสามารถใช้ได้เป็นระยะเวลา ไม่เกิน 90 วัน นับจากวันที่เข้าประเทศ หากชาวต่างชาติมีแผนที่จะอยู่ในประเทศไทยเกินระยะเวลาดังกล่าว ควรดำเนินการขอ ใบขับขี่ไทย เพื่อให้สามารถขับขี่ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายในระยะยาว
การขอใบขับขี่ไทย (Thai Driving License)
สำหรับชาวต่างชาติที่มีความต้องการขับขี่ในประเทศไทยเป็นระยะเวลานาน หรือผู้ที่พักอาศัยอยู่ในประเทศไทยเกิน 90 วัน จะต้องทำการขอ ใบขับขี่ไทย ซึ่งมีขั้นตอนและเอกสารที่ต้องเตรียมดังนี้:
เอกสารที่ต้องใช้ในการขอใบขับขี่ไทย
- ใบขับขี่ต้นทาง
หากชาวต่างชาติมีใบขับขี่จากประเทศต้นทางและต้องการเปลี่ยนเป็นใบขับขี่ไทย ควรนำใบขับขี่จากประเทศต้นทางมาด้วย รวมถึง ใบขับขี่ระหว่างประเทศ (IDP) ถ้ามี - หนังสือเดินทาง (Passport)
ต้องเป็นหนังสือเดินทางที่ยังไม่หมดอายุ และต้องมี วีซ่าที่ยังไม่หมดอายุ หากชาวต่างชาติถือวีซ่าท่องเที่ยว ต้องทำการเปลี่ยนเป็นวีซ่าประเภทที่อนุญาตให้พำนักอยู่ในระยะยาว (เช่น วีซ่าทำงาน หรือวีซ่าเรียน) - หนังสือรับรองถิ่นที่อยู่ (Certificate of Residence)
ชาวต่างชาติต้องยื่นขอเอกสารนี้จากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง หรือใช้เอกสารจากสถานทูตที่รับรองการพำนักอาศัยในประเทศไทย - ใบรับรองแพทย์ (Medical Certificate)
ใบรับรองแพทย์ต้องออกให้ภายใน 30 วันก่อนวันที่ทำการยื่นขอใบขับขี่ สามารถรับใบรับรองได้จากโรงพยาบาลหรือคลินิกในประเทศไทย โดยมีการตรวจสุขภาพเบื้องต้น เช่น วัดความดันโลหิต ตรวจสายตา เป็นต้น
ขั้นตอนการทดสอบ
- การอบรม: ชาวต่างชาติต้องเข้ารับการอบรมเรื่องการจราจรและกฎระเบียบการขับขี่ในประเทศไทย โดยจะมีการสอนเกี่ยวกับสัญญาณไฟจราจร ป้ายจราจร และกฎเกณฑ์สำคัญที่ต้องปฏิบัติตาม ซึ่งการอบรมมักใช้เวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมง
- การทดสอบทฤษฎี: หลังจากการอบรม ผู้ขอใบขับขี่จะต้องทำการทดสอบทฤษฎีด้วยข้อสอบแบบเลือกตอบ (Multiple-Choice) เกี่ยวกับกฎจราจร ข้อบังคับ และสัญญาณการจราจรของประเทศไทย โดยผู้ขอใบขับขี่จะต้องผ่านคะแนนขั้นต่ำที่กำหนด
- การทดสอบการขับขี่: เมื่อผ่านการทดสอบทฤษฎีแล้ว ผู้สมัครจะต้องเข้ารับการทดสอบการขับขี่ในสนามทดสอบซึ่งจะมีการทดสอบทักษะพื้นฐาน เช่น การถอยหลัง การจอดในช่องว่าง และการใช้สัญญาณไฟอย่างถูกต้อง
ค่าใช้จ่ายในการขอใบขับขี่
การขอใบขับขี่ในประเทศไทยสำหรับชาวต่างชาติมีค่าใช้จ่ายดังต่อไปนี้:
- ค่าใช้จ่ายในการขอใบขับขี่ชั่วคราว (2 ปี): ประมาณ 205 บาท ซึ่งเป็นใบขับขี่ที่ออกให้สำหรับผู้ที่ขอใบขับขี่ใหม่ครั้งแรก โดยสามารถใช้ได้ 2 ปีหลังจากนั้นจึงสามารถต่อเป็นใบขับขี่ 5 ปีได้
- ค่าใช้จ่ายในการขอใบขับขี่ระยะยาว (5 ปี): สำหรับผู้ที่มีใบขับขี่ชั่วคราวหรือเคยขับขี่มาแล้วสามารถต่ออายุเป็นใบขับขี่ 5 ปีได้ ค่าใช้จ่ายประมาณ 505 บาท
- ค่าตรวจสุขภาพ (ใบรับรองแพทย์): ค่าใช้จ่ายในการตรวจสุขภาพที่ใช้สำหรับการขอใบขับขี่อยู่ระหว่าง 100-200 บาท ขึ้นอยู่กับสถานพยาบาลที่ไปตรวจ
บทสรุป ชาวต่างชาติสามารถขับขี่ในประเทศไทยได้ทั้งในระยะสั้นโดยใช้ใบขับขี่ระหว่างประเทศ หรือหากต้องการพำนักอยู่ระยะยาวสามารถขอใบขับขี่ไทย ซึ่งมีขั้นตอนการอบรมและทดสอบที่ต้องปฏิบัติตาม ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการนั้นไม่สูงมากนักและขึ้นอยู่กับประเภทของใบขับขี่ที่ต้องการ