10 โปรแกรมสำหรับงาน Automate

Work Flow
การทำงานยุคนี้ ต้อง Automate !!  

โปรแกรม Automate ช่วยให้การทำงานที่ซ้ำซากและใช้เวลามากเป็นไปโดยอัตโนมัติ ช่วยลดความผิดพลาดที่อาจเกิดจากมนุษย์ เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และช่วยให้ธุรกิจหรือบุคคลสามารถโฟกัสกับงานที่มีความสำคัญมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยประหยัดเวลาและทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โปรแกรมประเภท Automate คืออะไร

โปรแกรมที่เกี่ยวกับระบบ Automate เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้องค์กรหรือบุคคลสามารถทำงานซ้ำๆ หรืองานที่มีลักษณะเป็นกระบวนการได้โดยอัตโนมัติ ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลาและลดความผิดพลาดที่เกิดจากมนุษย์ได้ โดยโปรแกรมเหล่านี้มีหลายประเภทและสามารถใช้ในงานหลากหลายรูปแบบ เช่น การจัดการธุรกิจ การตลาด และการพัฒนาซอฟต์แวร์ 


โปรแกรม Automate ที่นิยมใช้งาน

1. Zapier
  • ความสามารถ: Zapier เป็นเครื่องมือที่ช่วยเชื่อมต่อแอปพลิเคชันต่างๆ เข้าด้วยกันเพื่อทำให้กระบวนการทำงานต่างๆ เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ เช่น การย้ายข้อมูลจากอีเมลไปยัง Google Sheets หรือการส่งข้อมูลจากแบบฟอร์มไปยัง Slack

  • วิธีใช้งาน: ผู้ใช้สามารถตั้งค่า "Zap" ซึ่งเป็นกระบวนการอัตโนมัติที่มีสองส่วนคือ Trigger (เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น) และ Action (การกระทำที่เกิดขึ้นหลังจาก Trigger) ตัวอย่างเช่น เมื่อมีการเพิ่มไฟล์ใหม่ใน Google Drive (Trigger) ระบบจะส่งแจ้งเตือนใน Slack (Action)

2. Microsoft Power Automate
  • ความสามารถ: Power Automate เป็นเครื่องมือจาก Microsoft ที่สามารถใช้ในการสร้างเวิร์กโฟลว์อัตโนมัติระหว่างแอปและบริการต่างๆ ของ Microsoft และแอปภายนอก เช่น SharePoint, Outlook, OneDrive, และแอปพลิเคชันบุคคลที่สาม

  • วิธีใช้งาน: ผู้ใช้สามารถสร้างเวิร์กโฟลว์โดยการเลือก Template สำเร็จรูปหรือสร้างจากศูนย์ด้วยการกำหนด Trigger และ Action ได้หลากหลาย เช่น การแจ้งเตือนเมื่อมีการเพิ่มเอกสารใหม่ใน SharePoint

3. Integromat (หรือ Make)
  • ความสามารถ: Integromat (หรือเปลี่ยนชื่อเป็น Make) เป็นแพลตฟอร์มที่สามารถสร้างการเชื่อมโยงอัตโนมัติระหว่างแอปพลิเคชันต่างๆ และให้ผู้ใช้สามารถควบคุมกระบวนการทำงานได้ละเอียดกว่า Zapier เช่น การกรองข้อมูล การจัดการตัวแปรต่างๆ และการทำงานกับ API โดยตรง

  • วิธีใช้งาน: ผู้ใช้สามารถสร้าง Scenario ซึ่งเป็นกระบวนการที่มีการเชื่อมโยงแอปและบริการต่างๆ ผ่านการตั้งค่า Trigger และ Action หลายตัว ตัวอย่างเช่น เมื่อมีการสร้างรายการใหม่ใน Airtable ระบบสามารถอัปเดตข้อมูลใน Google Sheets โดยอัตโนมัติ

4. UiPath
  • ความสามารถ: UiPath เป็นเครื่องมือในด้าน Robotic Process Automation (RPA) ที่สามารถช่วยให้องค์กรทำงานที่ซ้ำซากและมีปริมาณมากได้โดยอัตโนมัติ โดยเฉพาะการทำงานบนซอฟต์แวร์ต่างๆ เช่น การจัดการเอกสาร การคัดลอกข้อมูล การจัดการใบแจ้งหนี้ เป็นต้น

  • วิธีใช้งาน: UiPath มีเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถบันทึกการกระทำที่ต้องการทำซ้ำ หรือเขียนสคริปต์ที่บอกให้โปรแกรมทำงานต่างๆ ตามที่ผู้ใช้กำหนด

5. Automation Anywhere
  • ความสามารถ: Automation Anywhere เป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มในกลุ่ม RPA ที่สามารถใช้ในการสร้างบอตที่ช่วยทำงานอัตโนมัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การจัดการข้อมูล การส่งอีเมล การสร้างรายงาน และอื่นๆ

  • วิธีใช้งาน: ผู้ใช้สามารถสร้างบอตโดยใช้เครื่องมือที่เป็นแบบ Visual ซึ่งทำให้ผู้ใช้ที่ไม่มีทักษะด้านโปรแกรมมิ่งสามารถใช้งานได้ง่าย หรือสามารถเขียนโค้ดเพิ่มเติมเพื่อความซับซ้อนที่สูงขึ้น

6. IFTTT (If This Then That)
  • ความสามารถ: IFTTT เป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยเชื่อมต่อแอปและอุปกรณ์ต่างๆ เข้าด้วยกันผ่าน "Applets" ซึ่งเป็นการตั้งค่าเหตุการณ์และการกระทำ เช่น การเชื่อมต่อระหว่างแอปพลิเคชันสมาร์ทโฮม หรือการเชื่อมต่อระหว่างบริการออนไลน์ เช่น การส่งข้อมูลจาก Twitter ไปยัง Google Sheets

  • วิธีใช้งาน: ผู้ใช้สามารถสร้าง Applet ด้วยการเลือก Trigger และ Action ได้ง่ายๆ เช่น เมื่อมีการโพสต์รูปใน Instagram (Trigger) ระบบจะเซฟรูปนั้นลงใน Dropbox (Action)

7. Workato
  • ความสามารถ: Workato เป็นแพลตฟอร์มสำหรับสร้างการเชื่อมโยงอัตโนมัติระหว่างแอปพลิเคชันเพื่อให้ธุรกิจสามารถทำงานหลายขั้นตอนได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ใช้เทคโนโลยี Integration Platform as a Service (iPaaS) ที่รองรับการเชื่อมต่อกับแอปทั้งคลาวด์และในองค์กร
  • วิธีใช้งาน: ผู้ใช้สามารถสร้าง "Recipe" โดยการเลือก Trigger จากแอปพลิเคชันใดๆ ที่สนับสนุน และสร้าง Action หลายๆ ขั้นตอนจากแอปพลิเคชันอื่นๆ ตัวอย่างเช่น การดึงข้อมูลจาก CRM มายังระบบการทำบัญชีโดยอัตโนมัติ

8. Selenium
  • ความสามารถ: Selenium เป็นเครื่องมือที่ออกแบบมาสำหรับการทำ Automated Testing โดยเฉพาะสำหรับเว็บแอปพลิเคชัน ใช้ในการบันทึกและเล่นซ้ำการกระทำบนเบราว์เซอร์ ซึ่งเหมาะสำหรับนักพัฒนาและผู้ทดสอบที่ต้องการทำงานอัตโนมัติในกระบวนการทดสอบซอฟต์แวร์

  • วิธีใช้งาน: ผู้ใช้สามารถเขียนสคริปต์โดยใช้ภาษาการเขียนโปรแกรม เช่น Java, Python หรือ C# เพื่อบอก Selenium ให้ดำเนินการตามที่ต้องการ เช่น การเปิดเว็บเบราว์เซอร์ การคลิกปุ่ม การป้อนข้อมูลลงในฟอร์ม และการทดสอบกระบวนการอื่นๆ

9. Google Apps Script
  • ความสามารถ: Google Apps Script เป็นแพลตฟอร์มการเขียนโค้ดที่ใช้สำหรับสร้างการทำงานอัตโนมัติระหว่างผลิตภัณฑ์ของ Google เช่น Google Sheets, Google Docs, Google Drive, และ Gmail โดย Apps Script สามารถใช้ JavaScript เพื่อจัดการกับฟังก์ชันเหล่านี้ได้

  • วิธีใช้งาน: ผู้ใช้สามารถสร้างโค้ดใน Google Apps Script Editor และเชื่อมโยงคำสั่งต่างๆ กับบริการของ Google เช่น การสร้างสคริปต์เพื่ออัปเดตข้อมูลใน Google Sheets อัตโนมัติเมื่อมีอีเมลใหม่ใน Gmail หรือการทำรายงานจากข้อมูลใน Google Sheets

10. Ansible
  • ความสามารถ: Ansible เป็นเครื่องมือ Open Source ที่ใช้ในการจัดการและทำงานอัตโนมัติกับเซิร์ฟเวอร์ รวมถึงการติดตั้งซอฟต์แวร์ การกำหนดค่าระบบ และการจัดการเครือข่าย ทำให้สามารถควบคุมหลายๆ เซิร์ฟเวอร์พร้อมกันได้โดยไม่ต้องทำงานซ้ำๆ บนเครื่องเซิร์ฟเวอร์แต่ละเครื่อง

  • วิธีใช้งาน: ผู้ใช้สามารถเขียนไฟล์ "Playbook" ซึ่งเป็นไฟล์ YAML ที่บอกถึงขั้นตอนที่ต้องการทำงาน โดยเชื่อมต่อกับเครื่องเซิร์ฟเวอร์หลายๆ เครื่อง ตัวอย่างเช่น การติดตั้งซอฟต์แวร์บนเครื่องทั้งหมดที่อยู่ในเครือข่ายด้วยคำสั่งเพียงครั้งเดียว

บทสรุป โปรแกรมเหล่านี้มีความยืดหยุ่นและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการงานที่ซับซ้อนและซ้ำซาก โดยสามารถทำให้กระบวนการที่ต้องใช้เวลามากเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ