ประกันสังคม เป็นระบบการประกันทางสังคมที่จัดตั้งขึ้นเพื่อให้การคุ้มครองแก่ผู้ประกันตน (ผู้ที่จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุน) ซึ่งเป็นคนทำงานที่อยู่ในระบบจ้างงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
โดยประกันสังคมในประเทศไทยอยู่ภายใต้การดูแลของสำนักงานประกันสังคม มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความช่วยเหลือทางด้านการเงินแก่ผู้ประกันตนในกรณีต่าง ๆ เช่น การเจ็บป่วย การว่างงาน การเกษียณอายุ หรือเสียชีวิต นอกจากนี้ยังครอบคลุมด้านการรักษาพยาบาลและการคลอดบุตรด้วย
ประกันสังคมแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก
1. ผู้ประกันตนมาตรา 33 (สำหรับลูกจ้างในระบบ)
- กลุ่มเป้าหมาย: ลูกจ้างที่ทำงานในสถานประกอบการทั่วไปตามกฎหมาย
- ข้อกำหนด: ลูกจ้างและนายจ้างต้องจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมในอัตราที่กำหนด (ปัจจุบัน ผู้ประกันตนและนายจ้างจ่ายคนละ 5% ของค่าจ้างสูงสุดไม่เกิน 15,000 บาทต่อเดือน และรัฐบาลจ่ายอีกส่วนหนึ่ง)
- สิทธิประโยชน์: ครอบคลุมทุกกรณี ได้แก่ การรักษาพยาบาล การคลอดบุตร ทุพพลภาพ ชราภาพ ว่างงาน เสียชีวิต และการฟื้นฟูสมรรถภาพการทำงาน
2. ผู้ประกันตนมาตรา 39 (สำหรับผู้ที่เคยเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 แต่ลาออกจากงาน)
- กลุ่มเป้าหมาย: ผู้ที่เคยเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 มาแล้วไม่น้อยกว่า 12 เดือน และไม่เป็นลูกจ้างอีกต่อไป แต่ยังต้องการรักษาสิทธิในประกันสังคม
- ข้อกำหนด: ผู้ประกันตนต้องจ่ายเงินสมทบเอง เดือนละ 432 บาท (คิดจากฐานเงินเดือน 4,800 บาท โดยจ่าย 9%) โดยรัฐบาลจะสมทบในส่วนที่เหลือ
- สิทธิประโยชน์: ได้รับสิทธิในด้านการรักษาพยาบาล การคลอดบุตร ทุพพลภาพ ชราภาพ และเสียชีวิต แต่ ไม่ครอบคลุมสิทธิกรณีว่างงาน
3. ผู้ประกันตนมาตรา 40 (สำหรับผู้ประกอบอาชีพอิสระ)
- กลุ่มเป้าหมาย: ผู้ที่ประกอบอาชีพอิสระ (เช่น เกษตรกร พ่อค้าแม่ค้า ฟรีแลนซ์) ซึ่งไม่ใช่ลูกจ้างประจำ
- ข้อกำหนด: สามารถเลือกจ่ายเงินสมทบเองใน 3 ทางเลือก ตามอัตราที่ต้องการ
- ทางเลือกที่ 1: จ่ายเดือนละ 70 บาท
- ทางเลือกที่ 2: จ่ายเดือนละ 100 บาท
- ทางเลือกที่ 3: จ่ายเดือนละ 300 บาท - สิทธิประโยชน์: สิทธิที่ได้รับจะขึ้นอยู่กับทางเลือกที่ผู้ประกันตนเลือก เช่น การเจ็บป่วย ทุพพลภาพ เสียชีวิต และการชราภาพ (สำหรับทางเลือกที่ 3 จะได้รับสิทธิชราภาพเพิ่มเติม)
สิทธิประโยชน์จากประกันสังคม
1. สิทธิการรักษาพยาบาล
- ผู้ประกันตนสามารถเข้ารับการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลที่เลือกไว้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ทั้งกรณีเจ็บป่วยทั่วไปหรืออุบัติเหตุที่ไม่เกี่ยวข้องกับการทำงาน
- สิทธิครอบคลุมค่าตรวจ ค่ารักษา ค่ายา และค่าห้องพัก แต่ในบางกรณีหากต้องใช้บริการเสริม เช่น ห้องพิเศษ ผู้ป่วยอาจต้องชำระส่วนต่างเอง
- ผู้ประกันตนสามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลในกรณีที่เข้ารับการรักษาฉุกเฉินที่โรงพยาบาลอื่นภายใน 72 ชั่วโมงแรก และสามารถเบิกค่ารักษาย้อนหลังได้ตามสิทธิ
2. สิทธิการคลอดบุตร
- ผู้ประกันตนหญิงจะได้รับเงินสงเคราะห์การคลอดบุตร 15,000 บาทต่อครั้ง (ไม่จำกัดจำนวนครั้ง)
- ผู้ประกันตนชายที่ภรรยาไม่ได้เป็นผู้ประกันตน สามารถเบิกค่าคลอดบุตรในกรณีที่ภรรยาคลอดบุตรได้เช่นกัน
- เงินสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อคลอดบุตรจะจ่ายให้เป็นจำนวน 50% ของค่าจ้างเฉลี่ยต่อเดือน เป็นระยะเวลา 90 วัน
3. สิทธิกรณีทุพพลภาพ
- หากผู้ประกันตนเกิดทุพพลภาพไม่ว่าจะเป็นจากการทำงานหรือไม่ก็ตาม จะได้รับเงินทดแทนจากกองทุนประกันสังคม
- เงินทดแทนจะได้รับเป็น 50% ของค่าจ้างเฉลี่ยต่อเดือนตลอดชีวิต
- นอกจากนี้ผู้ประกันตนยังมีสิทธิในการเข้ารับการรักษาพยาบาลตามที่กำหนดโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และสิทธิเข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพ
4. สิทธิกรณีชราภาพ
- ผู้ประกันตนที่มีอายุ 55 ปีขึ้นไป และมีการจ่ายเงินสมทบครบ 180 เดือน (15 ปี) จะได้รับ บำนาญชราภาพ โดยคำนวณจาก 20% ของค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย และจะได้รับเพิ่มอีก 1.5% ต่อปี สำหรับปีที่เกินจาก 15 ปีขึ้นไป
- หากผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบไม่ครบ 180 เดือน จะได้รับ เงินบำเหน็จชราภาพ (เป็นเงินก้อน) คำนวณจากเงินสมทบที่จ่ายไว้ทั้งฝั่งผู้ประกันตนและนายจ้างรวมกัน
5. สิทธิกรณีว่างงาน
- ผู้ประกันตนที่ตกงานจะได้รับเงินช่วยเหลือกรณีว่างงานใน 2 กรณี
- 1. ว่างงานเนื่องจากถูกเลิกจ้าง: จะได้รับ 50% ของค่าจ้างเฉลี่ยต่อเดือน เป็นเวลาไม่เกิน 6 เดือน
- 2. ว่างงานเนื่องจากลาออกเอง: จะได้รับ 30% ของค่าจ้างเฉลี่ยต่อเดือน เป็นเวลาไม่เกิน 3 เดือน
- ในการรับสิทธิต้องมีการจ่ายเงินสมทบอย่างน้อย 6 เดือนในช่วงเวลา 15 เดือนก่อนการว่างงาน และต้องขึ้นทะเบียนว่างงานภายใน 30 วันหลังจากการตกงาน
6. สิทธิกรณีเสียชีวิต
- หากผู้ประกันตนเสียชีวิต กองทุนประกันสังคมจะจ่ายเงินช่วยเหลือให้แก่ทายาทหรือครอบครัวของผู้ประกันตน โดยมีจำนวนเงินดังนี้:
- เงินค่าทำศพ: จำนวน 50,000 บาท
- เงินสงเคราะห์กรณีเสียชีวิต: คิดจากเงินสมทบที่จ่ายไว้เป็นเวลา 10 ปี โดยผู้ประกันตนหรือทายาทจะได้รับ 30 เท่าของค่าจ้างเฉลี่ย
- เงินบำเหน็จชราภาพ (ในกรณีที่ผู้ประกันตนยังไม่ถึงอายุ 55 ปี): จะจ่ายให้แก่ทายาทในรูปแบบเงินบำเหน็จ
บทสรุป คนไทยทุกคน การรู้สิทธิของตนเองในประกันสังคมเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเป็นประโยชน์ในการคุ้มครองและช่วยเหลือด้านการเงินในสถานการณ์ที่จำเป็น ข้อมูลอาจมีการปรับเพิ่มหรือลด แนะนำให้เข้าไปตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์ ประกันสังคม โดยตรงอีกครึ้งหนึ่ง