Zero-Day คืออะไร

Zero-Day
Zero-day Microsoft Office หมายถึงช่องโหว่หรือข้อบกพร่องในโปรแกรม Microsoft Office ที่ถูกค้นพบและถูกนำมาใช้ประโยชน์โดยผู้ไม่ประสงค์ดี ก่อนที่นักพัฒนาจะทราบหรือแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ ช่องโหว่นี้จึงเรียกว่า “Zero-day” เพราะยังไม่มีการออกแพตช์หรือการป้องกันในทันที ทำให้ผู้โจมตีสามารถใช้ประโยชน์จากช่องโหว่เพื่อโจมตีระบบ เช่น การแฝงมัลแวร์หรือขโมยข้อมูล

ความสำคัญ: Zero-day ใน Microsoft Office เป็นปัญหาที่ร้ายแรงเนื่องจาก Microsoft Office เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้อย่างแพร่หลายทั้งในองค์กรและบุคคลทั่วไป ซึ่งหากถูกโจมตีสำเร็จ ผู้โจมตีอาจเข้าถึงข้อมูลที่สำคัญและควบคุมระบบได้ ทำให้เกิดความเสียหายทางการเงิน ข้อมูลรั่วไหล หรือการหยุดชะงักของการทำงาน


แนวทางแก้ไข Zero-day 

1. อัปเดตและติดตั้งแพตช์ความปลอดภัย
  • อัปเดตโปรแกรม Microsoft Office: สิ่งสำคัญที่สุดในการป้องกัน Zero-day คือการอัปเดต Office ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดอยู่เสมอ โดย Microsoft จะปล่อยแพตช์ (patch) แก้ไขช่องโหว่ที่ค้นพบมาอย่างต่อเนื่อง การตั้งค่าให้โปรแกรมอัปเดตอัตโนมัติจะช่วยลดความเสี่ยงจากการโจมตี
  • อัปเดตระบบปฏิบัติการ: ระบบ Windows ก็ควรอัปเดตอยู่เสมอ เนื่องจากช่องโหว่บางส่วนอาจเชื่อมโยงกับระบบปฏิบัติการ

2. ติดตั้งซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสและใช้ Advanced Threat Protection (ATP)
  • ใช้โปรแกรมป้องกันไวรัสที่มีชื่อเสียง: การใช้ซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสที่สามารถตรวจจับมัลแวร์และพฤติกรรมที่ผิดปกติในเอกสารหรือไฟล์แนบ Microsoft Office เป็นวิธีการป้องกันเพิ่มเติม โปรแกรมบางตัวมีเทคโนโลยีที่สามารถตรวจสอบและหยุดยั้ง Zero-day ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • Microsoft Defender for Office 365: สามารถใช้เพื่อป้องกันการโจมตีแบบ Phishing และการแนบไฟล์ที่เป็นอันตรายผ่านทางอีเมล และ ATP จะช่วยตรวจจับพฤติกรรมผิดปกติได้

3. กำหนดการตั้งค่าความปลอดภัยเพิ่มเติมใน Microsoft Office
  • ปิดการใช้งานมาโคร (Macros): การเปิดใช้งานมาโครโดยไม่ได้ตั้งใจอาจเป็นช่องทางให้มัลแวร์ถูกเรียกใช้งาน การปิดการใช้งานมาโครหรือเลือกให้ Office เปิดเอกสารในโหมด Protected View ก่อน จะช่วยลดความเสี่ยงจากการโจมตี Zero-day
  • Protected View: ฟังก์ชันนี้ช่วยป้องกันการเรียกใช้เอกสารที่ไม่รู้จักโดยอัตโนมัติ ผู้ใช้สามารถเลือกเปิดใช้งานเอกสารที่ต้องการหลังจากตรวจสอบความปลอดภัยแล้ว

4. การฝึกอบรมและสร้างความตระหนัก
  • ให้ความรู้แก่ผู้ใช้งาน: การสร้างความตระหนักเรื่องภัยคุกคามทางไซเบอร์และการระมัดระวังในการเปิดไฟล์จากแหล่งที่ไม่รู้จักหรืออีเมลที่ดูน่าสงสัย เช่น ไฟล์ที่แนบมาพร้อมอีเมลแปลกๆ สามารถลดความเสี่ยงจากการโจมตีได้
  • ตรวจสอบลิงก์และไฟล์แนบ: หลีกเลี่ยงการคลิกลิงก์หรือเปิดไฟล์ที่แนบมาในอีเมลจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ ตรวจสอบลิงก์โดยการโฮเวอร์ (hover) ก่อนคลิกเพื่อตรวจสอบ URL

5. ใช้โซลูชันการตรวจสอบเครือข่ายและภัยคุกคาม
  • Network Monitoring: การตรวจสอบเครือข่ายด้วยเครื่องมือที่สามารถตรวจจับพฤติกรรมผิดปกติหรือกิจกรรมที่น่าสงสัยในเครือข่าย เช่น การพยายามเข้าถึงไฟล์จากโปรแกรมที่ไม่เคยใช้งานมาก่อน
  • Endpoint Detection and Response (EDR): ระบบ EDR ช่วยตรวจจับและตอบสนองต่อการโจมตีจากช่องโหว่ Zero-day ในระดับเครื่องปลายทางโดยการวิเคราะห์พฤติกรรมและการคาดการณ์ความเสี่ยง

6. ใช้ Sandboxing Technology
  • การใช้เทคโนโลยี Sandboxing: ช่วยให้สามารถทดสอบและเปิดไฟล์ในสภาพแวดล้อมที่แยกจากระบบหลัก เพื่อป้องกันมัลแวร์แพร่กระจายเข้าถึงระบบปฏิบัติการหลัก หากพบว่าไฟล์มีการทำงานที่น่าสงสัยก็สามารถลบทิ้งได้ทันที

7. การสำรองข้อมูล
  • สำรองข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ: เพื่อป้องกันข้อมูลสูญหายหากถูกโจมตี การสำรองข้อมูลเป็นวิธีการป้องกันและกู้คืนระบบในกรณีที่มีการโจมตีเกิดขึ้นแล้ว การสำรองข้อมูล ควรทำมากกว่า 1 ชุด

บทสรุป Zero-day Microsoft Office เป็นช่องโหว่ที่ถูกค้นพบและถูกใช้โจมตีก่อนที่ผู้พัฒนาจะทราบหรือออกแพตช์แก้ไข การโจมตีประเภทนี้อาจสร้างความเสียหายให้กับผู้ใช้ เช่น การขโมยข้อมูลหรือแฝงมัลแวร์ วิธีป้องกันที่สำคัญคือการอัปเดตโปรแกรม Microsoft Office และระบบปฏิบัติการให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด การใช้ซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสที่มีประสิทธิภาพ การปิดการใช้งานมาโครในเอกสาร และหลีกเลี่ยงการเปิดไฟล์แนบหรือคลิกลิงก์จากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ