Ai เปลี่ยนหน้าในวีดีโอ ดีหรือร้าย!

Deepfake

อีกหนึ่งพัฒนาการของ Ai มีการใช้เทคโนโลยี AI ในการเปลี่ยนแปลงรูปภาพและวิดีโอ โดยเฉพาะการใช้เพื่อปรับปรุงความสวยงาม สร้างภาพศิลปะ หรือแม้แต่สร้างเนื้อหาที่สมจริงมากขึ้น 

อย่างไรก็ตาม การใช้ AI ในทางที่ไม่เหมาะสมสามารถก่อให้เกิดปัญหามากมาย เช่น การสร้างวิดีโอปลอม (Deepfake) ที่ดูเหมือนจริงเพื่อทำให้คนเข้าใจผิด หรือการละเมิดความเป็นส่วนตัวด้วยการใช้ภาพบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต ผลกระทบเหล่านี้สามารถสร้างความสับสน ความหวาดกลัว และความเสียหายแก่บุคคลหรือสังคมได้ 

ดังนั้น การใช้เทคโนโลยีนี้จำเป็นต้องมีความระมัดระวัง คำนึงถึงจริยธรรม และตรวจสอบแหล่งที่มาของข้อมูลก่อนเชื่อหรือเผยแพร่เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของข้อมูลเท็จและผลกระทบที่อาจตามมา และเพื่อให้เข้าใจถึงเทคโนโลยี Ai มาทำความรู้จักและเพื่อให้เข้าใจ จะได้ไม่ถูกผู้ไม่ประสงค์ดีหลอกและอาจทำให้ต้องสูญเสียทรัพย์สินไป มาดูรายละเอียดกันเลย


รายละเอียด Ai เปลี่ยนหน้าคน

AI สามารถสร้างและแก้ไขรูปภาพหรือวิดีโอโดยการใช้เทคโนโลยีอย่าง Deepfake ซึ่งสามารถแทนที่ใบหน้าของบุคคลในวิดีโอด้วยใบหน้าของคนอื่นหรือสร้างวิดีโอที่ดูเหมือนจริงได้อย่างน่าเชื่อถือมากขึ้น เทคโนโลยีนี้ยังสามารถใช้ในการปรับแต่งรูปร่างหรือแก้ไขภาพให้มีลักษณะต่างๆ ที่ผู้ใช้ต้องการ นอกจากนี้ ยังมี AI ที่สามารถสร้างภาพจากคำบรรยาย (Text-to-Image) หรือแปลงภาพเป็นภาพศิลปะในสไตล์ที่ต่างกันไปได้


ตัวอย่างการใช้ Deepfake

  • Deepfake มีการใช้ Deepfake เพื่อสร้างวิดีโอปลอมของบุคคลที่มีชื่อเสียงในสถานการณ์ที่ไม่เหมาะสม เช่น การสร้างวิดีโอที่ดูเหมือนว่าใครบางคนกำลังพูดหรือทำสิ่งที่เขาไม่ได้ทำจริงๆ 

  • การปรับแต่งภาพถ่าย AI ถูกใช้ในการแก้ไขรูปร่างของบุคคลในภาพถ่ายให้ดูดีขึ้นตามมาตรฐานความงามที่ไม่สมจริง อาจทำให้เกิดความไม่พอใจและขาดความเชื่อมั่นในรูปลักษณ์จริงของตัวเอง

  • ภาพปลอม การใช้ AI ในการสร้างภาพเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นจริง เช่น ภาพเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับภัยพิบัติหรือความรุนแรง อาจทำให้เกิดความตื่นตระหนกในสังคม


ข้อควรระวัง

  • ความเป็นส่วนตัวและสิทธิ์ของบุคคล การใช้ AI ในการสร้างหรือแก้ไขภาพและวิดีโอควรเคารพสิทธิ์และความเป็นส่วนตัวของบุคคล โดยเฉพาะการใช้ภาพที่ไม่ได้รับอนุญาต

  • การเผยแพร่ข้อมูลเท็จ การใช้เทคโนโลยีนี้ในการเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่เป็นจริง อาจสร้างความสับสนและผลกระทบในวงกว้าง ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาในด้านสังคมและการเมือง

  • การตรวจสอบแหล่งที่มา ควรมีการตรวจสอบความถูกต้องของภาพและวิดีโอก่อนที่จะเชื่อหรือเผยแพร่ข้อมูล โดยเฉพาะในยุคที่เทคโนโลยี AI สามารถทำให้ภาพและวิดีโอดูเหมือนจริงได้มากขึ้น


การระบุว่า Video เป็น Deepfake หรือไม่อาจทำได้ยากในบางกรณี เนื่องจากเทคโนโลยีนี้มีความซับซ้อนและมีความสามารถในการสร้างภาพที่ดูเหมือนจริง อย่างไรก็ตาม มีข้อสังเกตหลายประการที่สามารถช่วยให้ตรวจจับได้


ทิปการสังเกต Video Deepfake

  • การเคลื่อนไหวของใบหน้าและดวงตา การเคลื่อนไหวของใบหน้าหรือดวงตาอาจดูไม่สมจริง เช่น การกะพริบตาที่ไม่เป็นธรรมชาติ หรือดวงตาที่ดูแข็งทื่อและไม่แสดงอารมณ์

  • การซิงค์เสียงกับปาก เสียงที่พูดอาจไม่ตรงกับการขยับปากหรือมีความล่าช้า ซึ่งเป็นสัญญาณว่ามีการปรับแต่งวิดีโอ

  • ความผิดปกติของแสงและเงา แสงและเงาในวิดีโออาจดูไม่สมจริง หรือไม่สอดคล้องกับแหล่งกำเนิดแสงในฉาก ซึ่งบ่งบอกว่ามีการตัดต่อ

  • ความคมชัดของภาพ ใบหน้าอาจมีความคมชัดแตกต่างจากส่วนอื่นของภาพ หรือมีความผิดปกติของพื้นผิวใบหน้า เช่น ริ้วรอยที่หายไปหรือเปลี่ยนแปลง

  • การผิดเพี้ยนขององค์ประกอบอื่น ๆ อาจมีส่วนที่ดูบิดเบี้ยว หรือการเคลื่อนไหวที่ไม่สอดคล้องกับบริบท เช่น ผมที่เคลื่อนไหวไม่สมจริง หรือเครื่องแต่งกายที่ดูแปลก

  • การตรวจสอบด้วยเครื่องมือ AI มีเครื่องมือออนไลน์และซอฟต์แวร์ที่พัฒนาขึ้นเพื่อช่วยในการตรวจจับ Deepfake ซึ่งสามารถวิเคราะห์วิดีโอและชี้ถึงความผิดปกติได้


การระมัดระวังในการรับชมและการตรวจสอบแหล่งที่มาเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันการถูกหลอกโดย Deepfake ที่มีเจตนาสร้างความเสียหาย

ท้ายที่สุด ให้ระวังการหลอกลวงผ่านทาง Video Call เพราะ Ai สามารถเปลี่ยนเป็นหน้าคนที่เรารู้จักได้ ดังนั้น เพื่อลดความเสี่ยงในการสูญเสียเงิน แนะนำว่า ควรตรวจสอบอีกครั้ง โดยการใช้โทรศัพท์ไปหาคนๆ นั้น และไม่ควรโอนเงินจากการพูดคุย 

บทสรุป การใช้ AI ในการเปลี่ยนแปลงภาพและวิดีโอจำเป็นต้องมีจริยธรรมและความรับผิดชอบเพื่อป้องกันการใช้งานที่อาจส่งผลกระทบต่อสังคมในทางที่ไม่ดี ดังนั้น การนำไปใช้ ต้องระวังระวังเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเรื่องของกฏหมาย พรบ. คอมพิวเตอร์