พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ สำคัญอย่างไร

Computer Crime Act B.E. 2550
พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ (พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์) หรือที่รู้จักกันในชื่อเต็มว่า "พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550" เป็นกฎหมายที่ถูกจัดทำขึ้นเพื่อควบคุมและป้องกันการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ในประเทศไทย 

กฎหมายนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์จากการถูกโจมตี การละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล และการกระทำผิดอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ คนไทยทุกคน จำเป็นจะต้องเรียนรู้ และเข้าใจข้อกฏหมายเบื้องต้น ทัังนี้ เพื่อป้องกันหรือระมัดระวังความผิดพลาดที่อาจเกิดจากความไม่ตั้งใจได้


ข้อกำหนดสำคัญของ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์

  • การเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต ผู้ใดเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์หรือข้อมูลของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต ถือเป็นความผิดทางกฎหมาย
  • การกระทำให้ระบบหรือข้อมูลเสียหาย การทำให้ข้อมูลหรือระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นเสียหาย ถูกแก้ไข หรือทำให้ไม่สามารถใช้งานได้โดยไม่ได้รับอนุญาต ถือเป็นความผิด
  • การเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ การเผยแพร่หรือส่งต่อข้อมูลอันเป็นเท็จที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อบุคคลอื่นหรือก่อให้เกิดความปั่นป่วนในสังคม ถือเป็นการกระทำผิด
  • การกระทำผิดเกี่ยวกับข้อมูลลามกอนาจาร การเผยแพร่หรือส่งต่อข้อมูลที่เป็นลามกอนาจารผ่านระบบคอมพิวเตอร์ถือเป็นความผิดทางกฎหมาย
  • การส่งสแปมหรือไวรัส การส่งโปรแกรมที่ทำให้ระบบคอมพิวเตอร์เสียหาย หรือการส่งข้อมูลจำนวนมากโดยไม่จำเป็น (สแปม) ถือเป็นความผิด

ข้อควรปฏิบัติตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์

  • รักษาความปลอดภัยข้อมูล ผู้ใช้งานควรทำการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลและระบบคอมพิวเตอร์ โดยการใช้รหัสผ่านที่แข็งแกร่งและการเข้ารหัสข้อมูลสำคัญ
  • การใช้งานระบบอย่างถูกต้อง ควรใช้งานคอมพิวเตอร์และเครือข่ายอินเทอร์เน็ตอย่างถูกต้องและไม่ละเมิดสิทธิ์ของผู้อื่น
  • ไม่เผยแพร่ข้อมูลเท็จ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่หรือส่งต่อข้อมูลที่ไม่เป็นความจริง หรือข้อมูลที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อบุคคลอื่น
  • ปฏิบัติตามนโยบายการใช้งาน ผู้ใช้งานควรศึกษาและปฏิบัติตามนโยบายและกฎระเบียบการใช้งานขององค์กรหรือสถานที่ทำงานอย่างเคร่งครัด

สำหรับประชาชนทั่วไปที่ใช้งานคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต การปฏิบัติตามข้อควรปฏิบัติตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ เป็นสิ่งสำคัญในการรักษาความปลอดภัยของตนเองและผู้อื่น รวมถึงป้องกันการละเมิดกฎหมาย ดังนี้


ข้อควรปฏิบัติสำหรับประชาชนทั่วไป

1. ป้องกันข้อมูลส่วนบุคคล
  • ควรใช้รหัสผ่านที่มีความปลอดภัย โดยผสมตัวอักษร ตัวเลข และสัญลักษณ์พิเศษ และไม่ควรใช้รหัสผ่านเดียวกันกับทุกบัญชี
  • หลีกเลี่ยงการให้ข้อมูลส่วนบุคคล เช่น รหัสผ่าน หมายเลขบัตรประชาชน หรือข้อมูลทางการเงิน ในเว็บไซต์ที่ไม่น่าเชื่อถือ

2. ระมัดระวังในการเผยแพร่ข้อมูล
  • ควรตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลก่อนเผยแพร่ หรือแชร์ข้อมูลข่าวสาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อป้องกันการกระจายข้อมูลเท็จหรือข้อมูลที่อาจก่อให้เกิดความเสียหาย
  • หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่อาจละเมิดสิทธิ์ของบุคคลอื่น หรือข้อมูลที่เป็นลามกอนาจาร

3. หลีกเลี่ยงการกระทำผิดทางคอมพิวเตอร์
  • ไม่ควรเข้าถึงข้อมูลหรือระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต รวมถึงการติดตามหรือสอดแนมข้อมูลส่วนตัวของบุคคลอื่น
  • ไม่ควรใช้โปรแกรมหรือซอฟต์แวร์ที่มีจุดประสงค์ในการเจาะระบบ หรือการทำลายข้อมูลของผู้อื่น เช่น ไวรัส มัลแวร์ หรือการแฮกข้อมูล

4. ไม่ส่งสแปมหรือข้อความที่ไม่พึงประสงค์
  • หลีกเลี่ยงการส่งอีเมลหรือข้อความที่มีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม หรือส่งข้อความในปริมาณมากโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้รับ (สแปม) เนื่องจากอาจก่อความรำคาญหรือเป็นการละเมิดกฎหมาย

5. ศึกษาและปฏิบัติตามนโยบายการใช้งานอินเทอร์เน็ต
  • ควรศึกษาและทำความเข้าใจนโยบายการใช้งานอินเทอร์เน็ตและซอฟต์แวร์ต่าง ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าการใช้งานเป็นไปอย่างถูกต้องและไม่ละเมิดกฎหมาย

บทสรุป การปฏิบัติตามข้อควรปฏิบัติเหล่านี้ จะสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการถูกโจมตีทางไซเบอร์ และป้องกันการละเมิดกฎหมายที่อาจนำไปสู่การถูกดำเนินคดีทางกฎหมายได้  ดังนั้น เราจำเป็นจะต้องเรียนรู้และที่สำคัญคือ ต้องนำไปปฏิบัติอย่างเคร่งครัด