วิธีทำเว็บไซต์ตั้งแต่ต้นจนจบ

Create a website

การสร้างเว็บไซต์อาจเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนสำหรับผู้ที่เริ่มต้น แต่การเข้าใจขั้นตอนพื้นฐานจะช่วยให้คุณสามารถสร้างเว็บไซต์ที่มีประสิทธิภาพได้อย่างมีประสิทธิผล การเริ่มต้นด้วยการวางแผนที่ดีเป็นสิ่งสำคัญที่สุด โดยต้องกำหนดวัตถุประสงค์ของเว็บไซต์และกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการเข้าถึง ต่อมาคือการเลือกแพลตฟอร์มและเครื่องมือที่เหมาะสม เช่น เว็บไซต์สำเร็จรูป, ระบบจัดการเนื้อหา, หรือการเขียนโค้ดเอง

การออกแบบและจัดการเนื้อหาจะช่วยให้เว็บไซต์ดูน่าสนใจและใช้งานง่าย การเลือกโดเมนและโฮสติ้งที่ดีจะทำให้เว็บไซต์ของคุณเข้าถึงผู้ใช้ได้อย่างราบรื่น นอกจากนี้ การทดสอบและปรับปรุงเว็บไซต์เป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้แน่ใจว่าเว็บไซต์ทำงานได้ดีและปลอดภัย ในที่สุด การโปรโมทเว็บไซต์จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณได้รับการมองเห็นมากขึ้นและดึงดูดผู้เข้าชมได้มากขึ้น

บทความนี้ จะมาแนะนำถึงขั้นตอนในการจัดทำเว็บไซต์แบบละเอียด ตั้งแต่เริ่มต้นวางแผน การจัดทำ ตลอดจนทำประชาสัมพันธ์ให้เป็นที่รู้จัก มาดูกันว่า มีรายละเอียดแต่ละขั้นตอนอย่างไรบ้าง


6 ขั้นตอนการทำเว็บไซต์ตั้งแต่ต้นจนจบ

1. วางแผนเว็บไซต์

  • วัตถุประสงค์ของเว็บไซต์
    เว็บไซต์ที่สร้างขึ้นต้องมีจุดประสงค์ที่ชัดเจน เช่น เว็บไซต์ธุรกิจที่ขายสินค้าออนไลน์, บล็อกที่แบ่งปันความรู้หรือประสบการณ์, หรือเว็บไซต์แสดงผลงาน (portfolio) ของศิลปิน

  • กลุ่มเป้าหมาย
    เข้าใจว่าคุณต้องการให้ใครเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ เช่น ลูกค้า, นักเรียน, หรือผู้ที่สนใจในหัวข้อเฉพาะ

  • เนื้อหาที่ต้องการ
    กำหนดเนื้อหาหลัก เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท, รายละเอียดสินค้า, บทความ, ภาพถ่าย, หรือวีดีโอ


2. เลือกแพลตฟอร์มและเครื่องมือ

เว็บไซต์สำเร็จรูป

  • เว็บไซต์สำเร็จรูป (Website Builders): 
  • Wix: ให้คุณสร้างเว็บไซต์ได้ง่ายๆ โดยใช้เทมเพลตที่ปรับแต่งได้ และไม่ต้องเขียนโค้ด
  • Squarespace: มีการออกแบบที่สวยงามและเหมาะสำหรับเว็บไซต์ธุรกิจหรือบล็อก
  • WordPress.com: มีเครื่องมือสร้างเว็บไซต์และบริการโฮสติ้งในแพลตฟอร์มเดียว

ระบบจัดการเนื้อหา (CMS) 

  • WordPress.org: สามารถดาวน์โหลดและติดตั้งบนโฮสติ้งของคุณเอง มีความยืดหยุ่นสูง แต่ต้องการการปรับแต่งและการดูแล
  • Joomla: CMS อีกตัวที่มีความยืดหยุ่นสูงและเหมาะสำหรับเว็บไซต์ที่ต้องการฟังก์ชันการทำงานที่ซับซ้อน

การเขียนโค้ด

  •  การเขียนโค้ด HTML สำหรับโครงสร้างพื้นฐาน, CSS สำหรับการออกแบบ, และ JavaScript สำหรับการทำงานเชิงโต้ตอบ เช่น แบบฟอร์มติดต่อ


3. ออกแบบและจัดการเนื้อหา

การออกแบบ

  • เลย์เอาต์: ออกแบบการจัดวางองค์ประกอบต่างๆ บนหน้าเว็บไซต์ เช่น เมนู, คอนเทนต์หลัก, และฟุตเตอร์ ทั้งนี้ ควรออกวางให้สามารถเข้าถึงง่าย ไม่ซับซ้อน
  • สีและฟอนต์: เลือกสีและฟอนต์ที่สอดคล้องกับแบรนด์ของคุณและทำให้เว็บไซต์ดูน่าสนใจ
  • การใช้งาน: ทำให้แน่ใจว่าเว็บไซต์ใช้งานง่าย และสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างสะดวก

การจัดการเนื้อหา

  • การสร้างและการอัปเดตเนื้อหา
    ใส่ข้อความ, รูปภาพ, และวีดีโอลงในเว็บไซต์ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเนื้อหาทันสมัยและเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการของเรา รูปภาพและวีดีโอ ควรมีความคมชัด แต่มีขนาดไฟล์ไม่ใหญ่จนเกินไป

  • SEO (การเพิ่มประสิทธิภาพการค้นหา)
    ใช้คำหลักที่เกี่ยวข้องในเนื้อหา, ชื่อเรื่อง, และคำบรรยายเพื่อช่วยให้เว็บไซต์ติดอันดับในผลการค้นหาของ Google ควรทำการศึกษาการทำ SEO บนเว็บไซต์เพิ่มเติม


4. เลือกโดเมนและโฮสติ้ง

  • โดเมน (Domain)
    คือที่อยู่หรือชื่อของเว็บไซต์ ตัวอย่างเช่น www.example.com คุณสามารถซื้อโดเมนจากบริการอย่าง GoDaddy, Netway.co.th, P&T Hosting หรือ Google Domains

  • โฮสติ้ง (Hosting)
    คือบริการที่เก็บข้อมูลของเว็บไซต์ของคุณ เช่น Netway.co.th, หรือ P&T Hosing เป็นที่ที่ไฟล์เว็บไซต์ของคุณจะถูกเก็บและให้บริการกับผู้เยี่ยมชม


5. ทดสอบและปรับปรุง

การทดสอบการใช้งาน

  • การทำงานของลิงก์
    ตรวจสอบว่าลิงก์ทั้งหมดทำงานได้ถูกต้อง กดแล้วไม่ขึ้น error 

  • การทำงานของฟอร์ม
    ทดสอบฟอร์มติดต่อ, การสมัครสมาชิก, หรือฟังก์ชันที่สำคัญอื่นๆ

  • การตอบสนอง
    ทดสอบเว็บไซต์ในอุปกรณ์และเบราว์เซอร์ต่างๆ เพื่อให้แน่ใจว่าแสดงผลได้ดีในทุกแพลตฟอร์ม

การปรับปรุง

  • อัปเดตเนื้อหา
    เพิ่มเนื้อหาใหม่และปรับปรุงเนื้อหาเดิมตามความต้องการ เนื้อหาควรเป็นเนื้อหาที่ไม่หมดอายุ ถ้ามีจะต้องรีบลบ หรืออัพเดทให้ทันสมัย 

  • การรักษาความปลอดภัย
    ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเว็บไซต์ปลอดภัยจากภัยคุกคามและมีการสำรองข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ


6. โปรโมทเว็บไซต์

การทำ SEO

  • การวิจัยคำหลัก: ใช้เครื่องมือเช่น Google Keyword Planner เพื่อค้นหาคำหลักที่ผู้ใช้ค้นหา
  • การสร้างลิงก์ (Link Building): สร้างลิงก์จากเว็บไซต์อื่นมายังเว็บไซต์ของคุณเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Back Link

การตลาดผ่านโซเชียลมีเดีย

  • การใช้โซเชียลมีเดีย: โปรโมทเว็บไซต์ของคุณผ่านแพลตฟอร์มเช่น Facebook, Instagram, หรือ Twitter จากนั้น ก็ทำลิงค์ กลับมายังเว็บไซต์ของเรา
  • การสร้างเนื้อหาที่ดึงดูด: สร้างโพสต์หรือโฆษณาที่น่าสนใจเพื่อดึงดูดผู้ใช้

การโฆษณาออนไลน์

  • Google Ads: ใช้การโฆษณาแบบเสียค่าใช้จ่ายเพื่อเพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์ เป็นบริการที่เรียกว่า Pay-Per-Click หรือ PPC จะเสียค่าใช้จ่าย เมื่อมีคนคลิกมายังเว็บไซต์ของเรา
  • การโฆษณาบนโซเชียลมีเดีย: ใช้โฆษณาที่จ่ายเงินเพื่อโปรโมทโพสต์หรือหน้าเว็บไซต์ของคุณ


บทสรุป การสร้างเว็บไซต์อาจดูซับซ้อนในตอนแรก แต่การทำตามขั้นตอนเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถสร้างและจัดการเว็บไซต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสบความสำเร็จ แต่อย่างไรก็ตาม การอัพเดทเนื้อหาบนเว็บไซต์ให้ทันสมัย โหลดเร็ว เป็นสิ่งที่สำคัญมากเช่นกัน