ของไม่มีวันหายด้วย AirTag

Airtag
AirTag เป็นอุปกรณ์ติดตามขนาดเล็กจาก Apple ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถค้นหาสิ่งของที่สูญหายหรือหลงลืมได้อย่างง่ายดาย ด้วยการเชื่อมต่อกับแอพ Find My บนอุปกรณ์ Apple คุณสามารถตรวจสอบตำแหน่งของ AirTag ในเวลาจริงและรับการแจ้งเตือนเมื่ออยู่ใกล้ AirTag 

นอกจากนี้ โหมดสูญหายยังช่วยเพิ่มความปลอดภัย โดยส่งข้อมูลการติดต่อเมื่อมีผู้พบ AirTag ของคุณ การใช้งาน AirTag ทำให้ชีวิตประจำวันของคุณง่ายขึ้นและลดความเสี่ยงในการสูญเสียสิ่งของที่สำคัญ อีกหนึ่งเทคโนโลยีจากค่าย Apple ที่น่าสนใจมากอีกตัวหนึ่ง


วิธีการใช้งาน AirTag

1. เชื่อมต่อกับ iPhone หรือ iPad
  • เปิด AirTag และถือใกล้กับ iPhone หรือ iPad ของคุณ
  • หน้าต่างการเชื่อมต่อจะปรากฏขึ้นบนหน้าจอของคุณ ทำตามคำแนะนำเพื่อทำการเชื่อมต่อ

2. กำหนดชื่อและเชื่อมต่อกับ Apple ID
  • ตั้งชื่อ AirTag ตามที่คุณต้องการ เช่น "กุญแจบ้าน" หรือ "กระเป๋าเดินทาง"
  • AirTag จะเชื่อมต่อกับ Apple ID ของคุณ ทำให้คุณสามารถติดตามได้ผ่านแอพ Find My

3. ติดตั้ง AirTag กับสิ่งของของคุณ
  • ติด AirTag กับสิ่งของที่คุณต้องการติดตาม เช่น ใส่ในกระเป๋า ติดกับกุญแจ หรือติดกับปลอกคอของสัตว์เลี้ยง

4. ติดตามสิ่งของ
  • เปิดแอพ Find My บน iPhone หรือ iPad ของคุณ เพื่อดูตำแหน่งของ AirTag ที่เชื่อมต่ออยู่
  • คุณสามารถดูตำแหน่งปัจจุบันหรือเสียงเตือนให้ AirTag ส่งเสียงออกมาเพื่อช่วยคุณหาสิ่งของที่ทำหาย

5. โหมดสูญหาย (Lost Mode)
  • หากสิ่งของของคุณหายไป คุณสามารถเปิดโหมดสูญหายผ่านแอพ Find My
  • AirTag จะส่งการแจ้งเตือนเมื่อมีอุปกรณ์ iPhone, iPad, หรือ Mac ของผู้ใช้คนอื่น ๆ ที่ผ่านไปใกล้ AirTag ของคุณ

ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว

  • ตำแหน่งของ AirTag จะถูกเข้ารหัสและส่งผ่านอุปกรณ์ Apple อื่น ๆ ที่อยู่ใกล้ ๆ โดยไม่เปิดเผยข้อมูลของคุณหรือเจ้าของอุปกรณ์ที่ช่วยส่งข้อมูล
  • คุณสามารถปิดการใช้งาน AirTag หรือเปลี่ยน Apple ID ได้ทุกเมื่อ


โหมดสูญหาย (Lost Mode) บน AirTag เป็นฟีเจอร์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้คุณสามารถติดตามและกู้คืนสิ่งของที่คุณทำหายได้อย่างมีประสิทธิภาพ นี่คือรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้งานโหมดสูญหาย:

การเปิดใช้งานโหมดสูญหาย

1. เปิดแอพ Find My
  • เปิดแอพ Find My บน iPhone หรือ iPad ของคุณ
2. เลือก AirTag
  • ในแอพ Find My ไปที่แท็บ "Items" แล้วเลือก AirTag ที่คุณทำหาย
3. เปิดโหมดสูญหาย
  • เลื่อนลงไปที่ตัวเลือก "Lost Mode" แล้วแตะ "Enable"
  • ทำตามขั้นตอนบนหน้าจอเพื่อเปิดใช้งานโหมดสูญหาย
4. ป้อนข้อมูลการติดต่อ
  • คุณสามารถป้อนหมายเลขโทรศัพท์หรืออีเมลที่ผู้ค้นพบสามารถใช้ติดต่อคุณได้
  • คุณสามารถเขียนข้อความที่จะปรากฏเมื่อมีผู้พบ AirTag ของคุณ

เมื่อโหมดสูญหายถูกเปิดใช้งาน

การแจ้งเตือน
  • เมื่อมีอุปกรณ์ Apple ของผู้ใช้คนอื่นที่ผ่านไปใกล้ AirTag ของคุณ ระบบจะส่งการแจ้งเตือนถึงคุณผ่านแอพ Find My
  • ผู้ใช้คนอื่นที่พบ AirTag ของคุณสามารถใช้ iPhone หรืออุปกรณ์ NFC อื่น ๆ สแกน AirTag เพื่อดูข้อมูลการติดต่อที่คุณได้ระบุไว้

การติดตามตำแหน่ง
  • คุณสามารถดูตำแหน่งของ AirTag ในแอพ Find My โดยตำแหน่งจะอัปเดตเมื่อมีอุปกรณ์ Apple ที่เชื่อมต่อกับเครือข่าย Find My ผ่านใกล้กับ AirTag ของคุณ

ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว
  • ข้อมูลตำแหน่งจะถูกเข้ารหัสและไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของคุณหรือผู้ใช้ที่ช่วยส่งข้อมูล
  • โหมดสูญหายสามารถช่วยป้องกันการใช้งาน AirTag โดยไม่ได้รับอนุญาต เนื่องจาก AirTag จะยังคงเชื่อมต่อกับ Apple ID ของคุณ

วิธีปิดโหมดสูญหายบน AirTag

1. ค้นพบ AirTag
  • เมื่อคุณพบ AirTag ของคุณแล้ว เปิดแอพ Find My

2. ปิดโหมดสูญหาย
  • ไปที่แท็บ "Items" เลือก AirTag ที่อยู่ในโหมดสูญหาย
  • เลื่อนลงไปที่ตัวเลือก "Lost Mode" แล้วแตะ "Disable Lost Mode"

โหมดสูญหายของ AirTag เป็นฟีเจอร์ที่มีประโยชน์มากในการช่วยคุณกู้คืนสิ่งของที่หายไป โดยให้ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวสูงสุดแก่ผู้ใช้งาน

บทสรุป การใช้งาน AirTag ทำให้คุณสามารถค้นหาสิ่งของที่สำคัญของคุณได้ง่ายขึ้นและลดความเสี่ยงในการทำหายไปอย่างมาก ใครที่มีปัญหาของหาบ่อยๆ หรือมีปัญหาเรื่องความจำ AirTag คือคำตอบดีๆ ที่สามารถช่วยได้จริง