รู้ลึกเรื่องน้ำมันเครื่องยนต์

Car Engine

รถยนต์คือ ยานพาหนะที่ถือได้ว่าเป็นสิ่งจำเป็นโดยเฉพาะกับคนทำงานในเมืองใหญ่ เพราะเป็นสิ่งที่ช่วยให้เดินทางได้อย่างสะดวก ถึงที่หมายได้อย่างรวดเร็ว การดูแลอย่างถูกวิธี จะช่วยยืดอายุการใช้งานได้ยาวนานมากยิ่งขึ้น

ดังนั้น การบำรุงรักษาเครื่องยนต์ ให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก หนึ่งในสิ่งที่ต้องทำเป็นประจำคือ การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันต่าง ๆ ที่ใช้ในระบบของรถยนต์ ตามระยะเวลาที่กำหนด


ประเภทของน้ำมันเครื่องยนต์

1. น้ำมันเครื่อง (Engine Oil)
  • หน้าที่: หล่อลื่นส่วนต่าง ๆ ของเครื่องยนต์ ลดการสึกหรอและการเสียดสี ทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างราบรื่น
  • ระยะเวลาเปลี่ยน: ทุก 5,000-10,000 กิโลเมตร หรือทุก 6 เดือน ขึ้นอยู่กับประเภทของน้ำมันเครื่องและสภาพการใช้งาน
2. น้ำมันเกียร์ (Transmission Fluid)
  • หน้าที่: หล่อลื่นชิ้นส่วนภายในเกียร์ ทำให้การเปลี่ยนเกียร์ราบรื่น และป้องกันการสึกหรอของเกียร์
  • ระยะเวลาเปลี่ยน: ทุก 30,000-60,000 กิโลเมตร ขึ้นอยู่กับรุ่นและประเภทของเกียร์ (เกียร์อัตโนมัติหรือเกียร์ธรรมดา)
3. น้ำมันเฟืองท้าย (Differential Oil)
  • หน้าที่: หล่อลื่นเฟืองท้ายในระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ทำให้การทำงานของเฟืองท้ายราบรื่นและป้องกันการสึกหรอ
  • ระยะเวลาเปลี่ยน: ทุก 40,000-60,000 กิโลเมตร ขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งาน
4. น้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์ (Power Steering Fluid)
  • หน้าที่: ช่วยในการหมุนพวงมาลัยให้ง่ายขึ้น ลดแรงเสียดทาน และทำให้การควบคุมรถทำได้ง่ายขึ้น
  • ระยะเวลาเปลี่ยน: ทุก 40,000-60,000 กิโลเมตร หรือเมื่อพบว่าน้ำมันเริ่มมีสีเปลี่ยนหรือมีกลิ่นผิดปกติ
5. น้ำมันเบรค (Brake Fluid)
  • หน้าที่: ช่วยในการส่งแรงจากแป้นเบรคไปยังระบบเบรคเพื่อทำให้รถหยุดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ระยะเวลาเปลี่ยน: ทุก 2 ปี หรือทุก 40,000 กิโลเมตร
6. น้ำมันหล่อเย็น (Coolant)
  • หน้าที่: ช่วยระบายความร้อนออกจากเครื่องยนต์ ทำให้เครื่องยนต์ทำงานที่อุณหภูมิที่เหมาะสม
  • ระยะเวลาเปลี่ยน: ทุก 2 ปี หรือทุก 40,000-60,000 กิโลเมตร
การตรวจสอบและเปลี่ยนถ่ายน้ำมันตามระยะเวลาที่กำหนดเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยรักษาสภาพรถยนต์ให้ใช้งานได้ยาวนานและปลอดภัย ดังนั้นควรตรวจสอบคู่มือรถยนต์และปรึกษาช่างผู้เชี่ยวชาญเพื่อทราบระยะเวลาที่เหมาะสมในการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันต่าง ๆ ตามรุ่นและยี่ห้อของรถยนต์ที่ใช้

นานเท่าไหร่แล้ว ที่คุณยังไม่เคยเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง !! 


ผลเสียที่อาจตามมา หากไม่เปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามกำหนด

  • การสึกหรอของเครื่องยนต์ น้ำมันเครื่องที่สกปรกและหมดประสิทธิภาพจะไม่สามารถหล่อลื่นชิ้นส่วนต่าง ๆ ได้ดีพอ ทำให้เกิดการเสียดสีและการสึกหรอของชิ้นส่วนเครื่องยนต์มากขึ้น

  • ความร้อนสะสม น้ำมันเครื่องที่เสื่อมสภาพไม่สามารถระบายความร้อนได้ดี ทำให้เครื่องยนต์ร้อนเกินไป ซึ่งอาจนำไปสู่การเสียหายของชิ้นส่วนภายใน

  • การสะสมของสิ่งสกปรก น้ำมันเครื่องที่เก่าและไม่ได้เปลี่ยนจะสะสมสิ่งสกปรกและตะกอน ซึ่งสามารถอุดตันทางเดินน้ำมันและทำให้เครื่องยนต์ทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ

  • การลดประสิทธิภาพการทำงาน เครื่องยนต์ที่ทำงานโดยมีน้ำมันเครื่องที่ไม่ดีอาจมีอัตราเร่งที่ลดลง เสียงเครื่องยนต์ดังขึ้น และอาจมีการสั่นสะเทือนมากขึ้น

  • การสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง น้ำมันเครื่องที่สกปรกและหมดประสิทธิภาพจะทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนักขึ้น ส่งผลให้การใช้เชื้อเพลิงมากขึ้น

  • การเสียหายของเครื่องยนต์ ในกรณีที่ร้ายแรง การไม่เปลี่ยนน้ำมันเครื่องอาจนำไปสู่การเสียหายที่รุนแรงของเครื่องยนต์ ซึ่งอาจต้องซ่อมแซมหรือเปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่

ดังนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงผลเสียที่อาจจะเกิดเหล่านี้ แนะนำให้ตรวจสอบและเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามระยะเวลาที่กำหนดในคู่มือรถยนต์ของแต่ละแบรนด์ เพื่อรถยนต์ที่คุณรักจะได้อยู่กันไปนานๆ ด้วยความปรารถนาดีจาก ทีมงาน