ทำความรู้จักรถยนต์ไฟฟ้า พร้อมแนะ 9 วิธีเลือกซื้อ

รถยนต์ไฟฟ้า (EV - Electric Vehicle) 

EV Car

EV หรือ EV Car คือ รถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าแทนการใช้น้ำมันเบนซินหรือดีเซลในการขับเคลื่อน โดยพลังงานไฟฟ้าจะถูกเก็บอยู่ในแบตเตอรี่ที่ติดตั้งอยู่ในรถยนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้าจะเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเหล่านั้นให้เป็นพลังงานกลเพื่อขับเคลื่อนล้อของรถยนต์


มารู้จักการทำงานของรถยนต์ไฟฟ้ากันสักนิด

การชาร์จไฟฟ้า
แบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้าจะต้องถูกชาร์จไฟฟ้าจากแหล่งจ่ายไฟภายนอก เช่น สถานีชาร์จไฟฟ้า (Charging Station) หรือเต้าเสียบไฟบ้านก็สามารถใช้ได้ เพียงแค่เสียบสายชาร์จเข้ากับตัวรถ

การเก็บพลังงานในแบตเตอรี่

เมื่อแบตเตอรี่ถูกชาร์จจนเต็ม พลังงานไฟฟ้าจะถูกเก็บไว้ในรูปแบบของพลังงานเคมีภายในแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (Lithium-ion Battery) ซึ่งเป็นแบตเตอรี่ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในรถยนต์ไฟฟ้า

การแปลงพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานกล

เมื่อคุณเหยียบคันเร่ง สัญญาณจะถูกส่งไปยังคอนโทรลเลอร์ (Controller) ที่ควบคุมการปล่อยพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ไปยังมอเตอร์ไฟฟ้า (Electric Motor) มอเตอร์ไฟฟ้าจะเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานกลเพื่อหมุนล้อรถยนต์

การเบรกและการเก็บพลังงานกลับ

เมื่อคุณเหยียบเบรก รถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่จะใช้ระบบเบรกแบบรีเจนเนอเรทีฟ (Regenerative Braking System) ซึ่งจะเปลี่ยนพลังงานกลที่เกิดจากการเบรกกลับมาเป็นพลังงานไฟฟ้าและเก็บไว้ในแบตเตอรี่ ช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของรถ


ข้อดีของรถยนต์ไฟฟ้า (EV)

  • ลดมลพิษ:
    รถยนต์ไฟฟ้าไม่มีการปล่อยไอเสียที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพมนุษย์ เช่น คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2), คาร์บอนมอนอกไซด์ (CO), และไนโตรเจนออกไซด์ (NOx)
  • ประหยัดพลังงาน:
    รถยนต์ไฟฟ้ามีประสิทธิภาพการใช้พลังงานสูงกว่าเครื่องยนต์สันดาปภายใน เนื่องจากการแปลงพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานกลมีการสูญเสียพลังงานน้อยกว่า
  • ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่ำ:
    ค่าใช้จ่ายในการชาร์จไฟฟ้ามักจะต่ำกว่าค่าใช้จ่ายในการเติมน้ำมัน นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาที่ต่ำกว่า เนื่องจากมีชิ้นส่วนเคลื่อนไหวน้อยกว่า
  • ลดเสียงรบกวน:
    มอเตอร์ไฟฟ้ามีการทำงานที่เงียบมาก ทำให้ลดเสียงรบกวนทั้งภายในและภายนอกห้องโดยสาร
  • การขับขี่ที่ราบรื่น:
    รถยนต์ไฟฟ้ามีการเร่งความเร็วที่รวดเร็วและราบรื่น เนื่องจากมอเตอร์ไฟฟ้าสามารถส่งกำลังได้ทันทีที่เหยียบคันเร่ง

ข้อเสียของรถยนต์ไฟฟ้า (EV)

  • ระยะทางการขับขี่ที่จำกัด
    รถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่มีระยะทางการขับขี่ต่อการชาร์จที่น้อยกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมัน แม้ว่าระยะทางนี้จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามการพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่
  • เวลาในการชาร์จไฟ
    การชาร์จไฟฟ้าใช้เวลานานกว่าเติมน้ำมัน แม้ว่าเทคโนโลยีการชาร์จเร็วจะมีการพัฒนา แต่ก็ยังใช้เวลาหลายสิบนาทีถึงชั่วโมงขึ้นอยู่กับสถานีชาร์จและแบตเตอรี่ของรถ
  • ราคาเริ่มต้นสูง
    รถยนต์ไฟฟ้ามีราคาซื้อเริ่มต้นที่สูงกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมัน แม้ว่าจะมีการลดราคาลงตามเวลาที่ผ่านไปและมีการสนับสนุนจากรัฐบาลในหลายประเทศ
  • ข้อจำกัดด้านสถานีชาร์จ
    ในบางพื้นที่ สถานีชาร์จไฟฟ้ายังมีจำกัด ซึ่งอาจทำให้ไม่สะดวกในการเดินทางระยะไกลหรือในพื้นที่ที่ไม่มีโครงสร้างพื้นฐานรองรับ
  • ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการผลิตแบตเตอรี่
    การผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะการขุดลิเธียมและโลหะหนักอื่นๆ ที่ใช้ในกระบวนการผลิต


9 วิธีเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้า (EV)

1. กำหนดงบประมาณ
  • ราคาเริ่มต้นของรถ: รถยนต์ไฟฟ้ามีหลายช่วงราคาตั้งแต่ระดับมาตรฐานถึงระดับหรูหรา ควรกำหนดงบประมาณที่คุณสามารถจ่ายได้
  • ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม: พิจารณาค่าใช้จ่ายในการติดตั้งสถานีชาร์จที่บ้าน, ค่าประกันภัย, และค่าบำรุงรักษา
2. ระยะทางที่ขับขี่ต่อการชาร์จ
  • ระยะทางต่อการชาร์จเต็ม: ตรวจสอบระยะทางที่รถสามารถวิ่งได้ต่อการชาร์จเต็ม ควรเลือกที่เหมาะสมกับการใช้งานประจำวันของคุณ
  • การใช้งานในชีวิตประจำวัน: พิจารณาระยะทางการเดินทางประจำวันของคุณว่าต้องการระยะทางมากแค่ไหน
3. สถานีชาร์จไฟ
  • โครงสร้างพื้นฐานของสถานีชาร์จ: ตรวจสอบว่าพื้นที่ที่คุณอาศัยหรือทำงานมีสถานีชาร์จไฟฟ้าเพียงพอหรือไม่
  • ความสามารถในการชาร์จที่บ้าน: หากคุณสามารถชาร์จรถที่บ้านได้ จะเพิ่มความสะดวกสบาย ควรตรวจสอบความพร้อมของระบบไฟฟ้าที่บ้านและอาจต้องติดตั้งเครื่องชาร์จเพิ่มเติม
4. ประสิทธิภาพและคุณสมบัติของรถ
  • ความเร็วและการเร่ง: ตรวจสอบสเปคของรถในด้านความเร็วสูงสุดและการเร่งความเร็ว
  • คุณสมบัติและเทคโนโลยี: เช่น ระบบความปลอดภัย, ระบบความบันเทิง, และคุณสมบัติพิเศษต่างๆ เช่น ระบบนำทางและการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน
5. ขนาดและรูปแบบของรถ
  • ขนาดและรูปแบบ: เลือกรถที่เหมาะสมกับการใช้งานและความต้องการ เช่น ขนาดครอบครัว, การเดินทางในเมืองหรือการเดินทางไกล
  • ความจุของพื้นที่บรรทุก: ตรวจสอบพื้นที่เก็บของและการบรรทุกสัมภาระ
6. การรับประกันและบริการหลังการขาย
  • การรับประกันแบตเตอรี่: ตรวจสอบระยะเวลาการรับประกันแบตเตอรี่และเงื่อนไขต่างๆ
  • บริการหลังการขาย: เลือกรถจากผู้ผลิตที่มีบริการหลังการขายที่ดีและศูนย์บริการที่เข้าถึงได้ง่าย
7. การทดลองขับ
  • ทดลองขับ: การทดลองขับเป็นสิ่งสำคัญมาก เพื่อให้คุณได้รู้สึกถึงการขับขี่, ความสะดวกสบาย, และการตอบสนองของรถ
8. ข้อเสนอและโปรโมชั่น
  • สิทธิประโยชน์และส่วนลด: ตรวจสอบสิทธิประโยชน์ที่อาจได้รับจากรัฐบาลหรือส่วนลดจากผู้ผลิต เช่น สิทธิประโยชน์ทางภาษีหรือเงินสนับสนุน
9. การเลือกแบรนด์และรุ่น
  • รีวิวและการเปรียบเทียบ: อ่านรีวิวจากผู้ใช้และการเปรียบเทียบรถรุ่นต่างๆ เพื่อให้มั่นใจว่าคุณได้เลือกรถที่มีคุณภาพและเหมาะสมกับความต้องการ

ข้อคิด การพิจารณาปัจจัยเหล่านี้จะช่วยให้คุณเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้าที่ตรงกับความต้องการและสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดในระยะยาว แต่อย่างไรก็ตาม บ้านพักที่เราอาศัยอยู่ ควรพิจารณาถึงสภาพภูมิอากาศด้วย เนื่องจาก ถ้าอยู่ในสถานที่ที่มีภูมิอากาศชื้นถึงชื้นมาก หรือมีฝนตกบ่อย อาจส่งผลโดยตรงต่อแบตเตอรี่ของรถยนต์ได้อีกด้วย