เป็นข้อผิดพลาดของระบบปฏิบัติการ Windows ที่เกิดขึ้นเมื่อระบบไม่สามารถดำเนินการต่อได้อีกต่อไปเนื่องจากพบข้อผิดพลาดร้ายแรงที่ไม่สามารถกู้คืนได้ ทำให้ระบบต้องหยุดทำงานเพื่อป้องกันความเสียหายเพิ่มเติม
สาเหตุที่พบบ่อยของ BSOD
- ปัญหาเกี่ยวกับฮาร์ดแวร์
- ฮาร์ดแวร์ที่เสียหายหรือไม่ทำงานอย่างถูกต้อง เช่น RAM, ฮาร์ดดิสก์ หรือการ์ดจอ
- ปัญหาเกี่ยวกับไดร์เวอร์
- ไดร์เวอร์ที่ไม่เข้ากันกับระบบหรือมีบั๊ก
- ปัญหาจากซอฟต์แวร์
- โปรแกรมหรือแอปพลิเคชันที่มีข้อผิดพลาดหรือไม่เข้ากันกับระบบปฏิบัติการ
- ปัญหาจากมัลแวร์
- ไวรัสหรือมัลแวร์ที่รบกวนการทำงานของระบบ
ข้อมูลที่มักแสดงบนหน้าจอเมื่อเกิด BSOD
- Error Code: โค้ดข้อผิดพลาด เช่น "0x0000007B" ซึ่งช่วยในการระบุปัญหา
- Error Message: ข้อความที่บอกว่าเกิดอะไรขึ้น เช่น "INACCESSIBLE_BOOT_DEVICE"
- ข้อมูลเกี่ยวกับไฟล์ที่เกี่ยวข้อง: ไฟล์ระบบหรือไดร์เวอร์ที่อาจทำให้เกิดปัญหา
10 แนวทางแก้ปัญหาจอฟ้าบน Windows
1. รีสตาร์ทเครื่องคอมพิวเตอร์
- เมื่อเครื่องคอมพิวเตอร์แสดง BSOD ให้กดปุ่มรีสตาร์ทหรือปิดเครื่องแล้วเปิดใหม่ บางครั้งการรีสตาร์ทเครื่องเพียงครั้งเดียวก็สามารถแก้ไขปัญหาได้ เนื่องจากปัญหาอาจเกิดขึ้นชั่วคราวจากการโหลดข้อมูลผิดพลาด
2. ตรวจสอบการอัปเดต Windows
- ไปที่ Settings (การตั้งค่า) > Update & Security (อัปเดตและความปลอดภัย) > Windows Update (อัปเดต Windows)
- คลิก Check for updates (ตรวจหาการอัปเดต) และติดตั้งการอัปเดตทั้งหมดที่มี
- การอัปเดต Windows จะช่วยแก้ไขข้อบกพร่องที่ทราบและปรับปรุงความเสถียรของระบบ
3. ตรวจสอบไดรเวอร์
- เปิด Device Manager (ตัวจัดการอุปกรณ์) โดยการคลิกขวาที่ปุ่ม Start และเลือก Device Manager
- ตรวจสอบดูว่าอุปกรณ์ใดมีเครื่องหมายอัศเจรีย์สีเหลือง ซึ่งบ่งบอกถึงปัญหาของไดรเวอร์
- คลิกขวาที่อุปกรณ์นั้นและเลือก Update driver (อัปเดตไดรเวอร์) เพื่อค้นหาและติดตั้งเวอร์ชันใหม่ล่าสุด
- หากยังคงมีปัญหา ให้ลองดาวน์โหลดไดรเวอร์จากเว็บไซต์ของผู้ผลิตอุปกรณ์และติดตั้งใหม่
4. ตรวจสอบฮาร์ดแวร์
- ปิดเครื่องคอมพิวเตอร์และเปิดเคส เพื่อตรวจสอบความแน่นของการเชื่อมต่อของอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น RAM, ฮาร์ดดิสก์, การ์ดจอ
- หากมีหลายแผง RAM ให้ลองถอดออกแล้วใส่ทีละแผงเพื่อทดสอบว่ามีแผงใดเสียหรือไม่
- ใช้โปรแกรม MemTest86 เพื่อทดสอบ RAM และใช้โปรแกรมจากผู้ผลิตฮาร์ดดิสก์เพื่อทดสอบสภาพของฮาร์ดดิสก์
5. รันการสแกน SFC และ DISM
- เปิด Command Prompt ในโหมดผู้ดูแลระบบ (คลิกขวาที่ปุ่ม Start และเลือก Command Prompt (Admin) หรือ Windows PowerShell (Admin))
- รันคำสั่งตามนี้:
- sh
- Copy code
- sfc /scannow
- รอให้การสแกนเสร็จสิ้นและทำตามคำแนะนำที่แสดง
- หากคำสั่ง SFC พบปัญหาแต่ไม่สามารถแก้ไขได้ ให้รันคำสั่งต่อไปนี้:
- sh
- Copy code
- DISM /Online /Cleanup-Image /RestoreHealth
- รอให้คำสั่ง DISM ทำงานเสร็จสมบูรณ์และทำการรีสตาร์ทเครื่อง
6. ตรวจสอบบันทึกข้อผิดพลาด
- เปิด Event Viewer โดยการคลิกขวาที่ปุ่ม Start และเลือก Event Viewer
- ไปที่ Windows Logs > System และดูบันทึกข้อผิดพลาดที่เกี่ยวข้องกับระบบในช่วงเวลาที่เกิด BSOD
- ข้อความหรือรหัสข้อผิดพลาดในบันทึกอาจช่วยบอกถึงสาเหตุของปัญหา
7. Safe Mode
- รีสตาร์ทเครื่องและกดปุ่ม F8 (หรือ Shift + F8 สำหรับบางรุ่น) เพื่อเข้าสู่เมนูการบูต
- เลือก Safe Mode (โหมดปลอดภัย) เพื่อบูตเครื่องในโหมดที่โหลดเฉพาะไดรเวอร์และบริการพื้นฐาน
- หากเครื่องทำงานปกติใน Safe Mode แสดงว่าปัญหาอาจเกิดจากไดรเวอร์หรือซอฟต์แวร์บางตัวที่ติดตั้งไว้
8. System Restore
- ไปที่ Control Panel (แผงควบคุม) > System and Security (ระบบและความปลอดภัย) > System (ระบบ)
- คลิก System Protection (การป้องกันระบบ) และเลือก System Restore (การคืนค่าระบบ)
- เลือกจุดคืนค่าที่ระบบทำงานได้อย่างปกติและทำตามคำแนะนำเพื่อย้อนกลับการเปลี่ยนแปลง
9. Reinstall Windows
- หากทุกวิธีข้างต้นไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ การติดตั้ง Windows ใหม่อาจเป็นทางเลือกสุดท้าย
- ทำการแบ็คอัพข้อมูลสำคัญก่อน จากนั้นใช้แผ่นติดตั้งหรือ USB ที่บูตได้เพื่อติดตั้ง Windows ใหม่ตามขั้นตอนที่ Microsoft กำหนด
10. ขอความช่วยเหลือเพิ่มเติม
- หากยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ควรพิจารณานำเครื่องไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบเพิ่มเติม หรือติดต่อฝ่ายสนับสนุนของผู้ผลิตเครื่องคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง
การแก้ไขปัญหา BSOD อาจต้องใช้เวลาหลายขั้นตอนและการทดสอบหลายครั้ง แต่ด้วยความละเอียดและการทำตามขั้นตอนที่ถูกต้อง คุณจะสามารถหาสาเหตุและแก้ไขปัญหาได้