บอดี้พลาสิก สีสันสดใส

บอดี้พลาสิก สีสันสดใส

นับเป็นครั้งแรกที่ iPhone ใช้วัสดุตัวเครื่องเป็นพลาสติก ซึ่งมาพร้อมกันถึง 5 สี คือ ขาว, แดง, เหลือง, ฟ้า, เขียว และแอปเปิ้ลยังบอกว่าไม่ใช่เป็นพลาสติกที่เปราะบางเหมือนกับที่ใช้กันในโทรศัพท์ทั่วไป นอกจากนี้ยังได้เสริมความแข็งแรงให้ตัวเครื่องด้วยโครงสร้างโลหะที่เป็นเสาอากาศไปในตัว อีกทั้งยังมีหน้า Wallpaper ตามสีของตัวเครื่องเพื่อความกลมกลืมมาให้อีกด้วย

 

   
เคสหลากสีไม่แพ้กันเคสหลากสีไม่แพ้กัน

เคสสำหรับ iPhone 5c ก็จี๊ดไม่แพ้กันด้วยความพิถีพิถันในการออกแบบตามไตล์ของแอปเปิ้ล จึงเลือกวัสดุภายนอกเป็นซิลิโคนที่ให้ความรู้สึกน่าสัมผัส พร้อมด้านบนบุด้วยซอฟต์ไมโครไฟเบอร์ และที่สำคัญคือการดีไซน์ให้สามารถโชว์สีของตัวบอดี้ผ่านช่องวงกลมด้านหลังที่เจาะเรียงเอาไว้อย่างมีสไตล์ ทำให้เราสามารถเลือกเคสสลับสีที่ชอบได้ไม่ซ้ำแบบใคร

   

Chip A6 พร้อมรองรับ LTE 4G

Chip A6 พร้อมรองรับ LTE 4G

iPhone 5c มาพร้อมชิป A6 เท่ากับ iPhone 5 รุ่นก่อนหน้า โดยยังคงประมวลผลได้อย่างราบรื่น ทั้งการดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมกราฟิก นอกจากนี้ยังรองรับกับเครือข่าย 4G LTE ให้การดาวน์โหลดและอัพโหลดเร็วขึ้นในระดับอัลตร้าไฮสปีดอินเทอร์เน็ตกันเลยทีเดียว ซึ่งในเมืองไทยก็มี Truemove H ที่เปิดให้บริการแล้วในบางพื้นที่ และด้วยความแรงและเร็วแบบนี้ ก็ไม่ต้องกังวลว่ามันจะสูบพลังงานจากแบตเตอรี่มากขึ้นตามไปด้วย แต่ด้วยการจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพจึงทำให้ iPhone 5c สามารถเล่นเน็ตผ่าน LTE ได้ต่อเนื่องถึง 10 ชั่วโมง คุยโทรศัพท์ได้ยาว 10 ชั่วโมง และเล่นวิดีโอได้ถึง 10 ชั่วโมงเช่นเดียวกัน

   

กล้อง iSight 8 ล้านพิกเซล F2.4

กล้อง iSight 8 ล้านพิกเซล F2.4

กล้องหลังที่ให้มากับ iPhone 5c จะเป็นแบบเดียวกับ iPhone 5s ที่มาพร้อมความละเอียด 8 ล้านพิกเซล แต่ในส่วนของรูรับแสงจะน้อยกว่านิดนึงคือ F2.4 (ซึ่งเท่ากับiPhone 5) แต่ด้วย iSight Camera ที่ประกอบด้วยเลนส์ 5 ชิ้น จึงทำให้ได้ภาพที่คมชัด รวมถึงรองรับการถ่ายวิดีโอแบบ 1080p HD และเพิ่มความสามารถในการซูมได้ถึง 3 เท่าในขณะถ่ายวิดีโอ พร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหวและ Face Detection โฟกัสใบหน้าอัตโนมัติได้ถึง 10 ใบหน้า นอกจากนี้ในขณะถ่ายวิดีโอยังสามารถถ่ายภาพนิ่งไปพร้อมกันได้อีกด้วย

 

คุยเห็นหน้าแบบ Facetime ระดับ HD

คุยเห็นหน้าแบบ Facetime ระดับ HD

ทั้ง iPhone 5c และ 5s ให้การสนทนาแบบเห็นหน้ากันผ่าน Facetime ได้แบบคมชัดในระดับ HD 720p ที่มาพร้อมกล้องหน้าความละเอียด 1.2 ล้านพิกเซล (1280x960) กับเซนเซอร์ตัวใหม่ที่รองรับการถ่ายภาพในที่มืดได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ด้วยความสามารถใหม่ของ iOS 7 จึงทำให้คุณสามารถสนทนาแบบ Facetime Audio เพิ่มขึ้นมาได้อีกด้วย จึงทำให้ต่อไปก็ไม่เสียค่าโทรศัพท์ให้สิ้นเปลือง ในเมื่อคุณสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ทุกที่ผ่าน 3G หรือ Wi-Fi ได้อยู่แล้ว